ได้อ่านข่าวจาก www.kapook.com รายงานข่าวครูหัวร้อน เป็นข่าวดังประจำวันที่ 11 พฤศจิกายน 2562 ซี่งตามข่าวระบุว่า มีการแชร์คลิปวิดีโอคุณครูทำร้ายร่างกายเด็กนักเรียน จำนวน 2 คนด้วยการถีบเด็กทั้งสองคนจนตกเก้าอี้ โดยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่ โรงเรียนแห่งหนึ่งของจังหวัดสุโขทัย อยู่อำเภอสวรรคโลก แต่ไม่ยอมเปิดเผยชื่อโรงเรียน
โดยมีการระบุด้วยว่าคลิปเหตุการณ์คุณครูทำร้ายเด็กนักเรียน 2 คน ที่กำลังมีการแชร์กันอยู่นั้น ความจริงแล้วคุณครูเป็นคนให้ถ่ายคลิปไว้เองอีกด้วย แต่ที่คลิปหลุดออกมายังโลกออนไลน์ก็เพราะว่า คุณครูมีการส่งคลิปนี้เข้าไปในกรุ๊ปไลน์ที่เด็กนักเรียนที่เสียหายอยู่ และยังมีการสั่งห้ามเด็กทั้งสองคนไม่ให้นำคลิปนี้ไห้ใครดูและอย่าเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟังเป็นอันขาด
โดยเมื่อมีการดูเหตุการณ์ในคลิปและมีการตรวจสอบแล้วพบว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงปลายเดือนตุลาคม 2562 แล้ว และปัญหาที่เกิดขึ้น เนื่องจากคุณครูโกรธที่นักเรียนไม่ยอมไปเข้าเรียนในวิชาของคุณครู ซึ่งมีเด็กเป็นจำนวนมากที่ไม่ยอมไปเข้าเรียนวิชาของครูคนนี้ แต่คุณครูลงโทษเฉพาะเด็ก 2 คนนี้เท่านั้น ซึ่งทางครูยังไม่ได้ออกมาชี้แจง
อันที่จริงคนที่จะมาเป็นครูได้ สิ่งแรกคือ คุณต้องถามตัวเองให้ได้ก่อนว่า คุณเป็นคนรักเด็กไหม คุณขี้รำคาญ ขี้หงุดหงิดหรือเปล่า คุณสามารถรับฟังและให้คำปรึกษาเด็กได้ไหม เด็กเสียงดัง เกเร คุณควบคุมดูแลได้หรือเปล่า นี่คือพื้นฐานมากๆ ที่คุณควรจะตรวจสอบตัวเองก่อนจะมาเป็นครู ไม่ใช่เพราะไม่รู้จะเป็นอะไรก็เลยมาเป็นครู หรือเพราะพ่อแม่อยากให้เป็นครูเลยมาสมัครเป็นครู หรือไม่ก็เพราะต้องการรับราชการจึงมาเป็นครู เพราะถ้าคุณมีความคิดแค่เพียงเท่านั้นคุณจะไม่สามารถเป็นครุได้ดีเลย เป็นแค่เพียงคนที่มาทำหน้าที่รับจ้างสอนเท่านั้นเอง
ข่าวปัญหาเรื่องครูทำร้ายนักเรียน หรือลงโทษนักเรียนรุนแรงเกินไปมีมากมายบ่อยครั้งและทุกครั้งปัญหาก็มักจะจบลงด้วยให้คุณครูออกมาขอโทษ และโรงเรียนก็จะทำเรื่องย้ายคุณครูที่ทำผิดไปโรงเรียนอื่น ซึ่งมันไม่ใช่การแก้ไขปัญหาที่ถูกต้อง เพราะครูท่านนั้นก็ยังได้สอนนักเรียนเหมือนเดิมเพียงแต่ ย้ายไปสอนที่ใหม่ ใครจะรับประกันได้ว่าเมื่อครุไปอยู่โรงเรียนใหม่แล้วจะสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมได้ จะไม่กระทำกับลูกศิษย์แบบเดิมที่เคยทำมาเอง หากมีอารมณ์ไม่พอใจเกิดขึ้น
กระทรวงการศึกษาธิการ ควรมีการจริงจังในการแก้ปัญหานี้ได้แล้ว เข้าใจว่าครูนั้นหายาก แต่ถ้ามีครุที่มีพฤติกรรมแบบนี้ก็ไม่ดีต่อสุขภาพจิตของเด็กเหมือนกัน เราเองในฐานะผู้ปกครอง จะวางใจให้ลูกไปโรงเรียนได้อย่างไร ถ้ายังมีครูแบบนี้ในสังคม
สนับสนุนโดย เซ็กซี่บาคาร่า