เรียนพิเศษในช่วงโควิด-19 กันอย่างไร

            ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าในช่วงที่มีการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่านั้นการจะทำกิจกรรมต่างๆรู้สึกว่ามันจะติดขัดไปหมดไม่ว่าจะเรื่องของการงานหรือว่าการเรียนก็ตามโดยเฉพาะผู้ปกครองช่วงนี้จำเป็นต้องมีเรื่องเครียดมากมายทั้งเรื่องที่ทำงานทั้งเรื่องการเรียนของลูกที่ยังไม่รู้ว่าจะมีแนวทางอย่างไรหากมีการเปิดเทอมในช่วงที่การระบาดของไวรัสยังคงมีอยู่ในขณะเดียวกันนอกจากการเรียนประจำปกติที่ต้องเรียนกับทางโรงเรียนแล้ว

ก็ยังต้องมานั่งเครียดกับเรื่องของการเรียนพิเศษของลูกเพราะปฏิเสธไม่ได้เลยว่าปัจจุบันนี้การเรียนเสริมพิเศษสำหรับเด็กนักเรียนในนั้นเป็นสิ่งที่มีความจำเป็นอย่างยิ่งเนื่องจากการเรียนเฉพาะในโรงเรียนนั้นไม่เพียงพอต่อการแข่งขันของเด็กในปัจจุบันที่หากเราต้องการไปเรียนต่อในระดับที่สูงขึ้นจะต้องมีการแข่งขันที่สูงกันมากๆ

ดยเฉพาะเด็กในกรุงเทพฯที่หักอยากเข้าโรงเรียนดีๆที่มีชื่อเสียงจำนวนผู้ที่เข้าไปแข่งขันเลือกที่นั่งในการเข้าเรียนตามโรงเรียนที่อยากได้นั้นจะค่อนข้างมีสูงอย่างที่เราเห็นจากสื่อที่มีการระบุออกมาว่าตอนที่ให้สมัครเข้าเรียนในระดับชั้นมัธยมศึกษานั้นโรงเรียนที่เด็กนักเรียนต้องการเข้ามากที่สุดคือโรงเรียนสวนกุหลาบซึ่งจำนวนเด็กนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่ทางโรงเรียนจะสามารถเติมที่นั่ง

ให้กับเด็กนักเรียนบ้านนั้นมีแค่เพียง 300 กว่าที่นั่งเท่านั้นในขณะที่จำนวนผู้ที่ลงทะเบียนเพื่อต้องการเข้าไปสอบจริงที่นั่ง 3 ที่นั่งนี้มีสูงถึง 1000 กว่าคนดังนั้นลองคิดดูว่าหากโลกของเรามีความรู้เฉพาะในห้องเรียนเท่านั้นคงจะไม่สามารถไปสู้กับเด็กนักเรียนคนอื่นๆที่เขามีการเรียนเสริมพิเศษได้แน่นอน

และโรงเรียนที่เราวาดหวังไว้ว่าจะให้ลูกเข้าเรียนนั้นย่อมเป็นไปไม่ได้แน่ๆดังนั้นถึงแม้เธอต้องมีการเรียนในสภาวะที่ยังมีการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่านั้นทางผู้ปกครองเองก็ยังจำเป็นต้องหาโรงเรียนให้ลูกทำการเรียนพิเศษซึ่งปัจจุบันนี้เรายังไม่สามารถเดินทางไปยังโรงเรียนสอนพิเศษตามปกติได้เนื่องจากสถาบันการเรียนต่างๆยังไม่เปิดให้บริการด้านช่องทางการเรียนที่ดีที่สุดในตอนนี้ก็คือการเรียนผ่านระบบออนไลน์ถึงแม้ว่าผู้ปกครองเองจะไม่ได้มั่นใจได้มากนักว่าการเรียนผ่านทางระบบออนไลน์นั้นจะช่วยให้ลูกของเรามีความรู้ที่ดีขึ้น

จากเดิมหรือไม่แต่ก็ดีกว่าการไม่มีที่ให้ลูกเรียนเสริมเลยเพราะนั่นจะยิ่งทำให้เด็กไม่มีความรู้เพียงพอที่จะไปแข่งขันกับคนอื่นได้ดังนั้นเราจึงจำเป็นต้องหาข้อมูลผ่านทางอินเทอร์เน็ตในการเช็คว่าปัจจุบันนั้นวิชาเรียนต่างๆสามารถเรียนผ่านทางระบบออนไลน์ได้หรือไม่และโรงเรียนหรือสถาบันไหนที่มีการเปิดสอนพิเศษผ่านระบบออนไลน์ไป

อย่างไรก็ตามหากเราไม่ต้องการให้ลูกเรียนผ่านระบบออนไลน์ก็มีอีกวิธีนึงก็คือจ้างคุณครูมาสอนที่บ้านโดยตรงแต่วิธีนี้ก็อาจจะเสี่ยงที่ลูกของเราหรือคนในครอบครัวอาจจะติดไวรัสโคโรน่ามาจากคุณครูก็ได้เช่นเดียวกันหากมีคนที่ไม่ใช่คนนอกครอบครัวเข้ามาในบ้านดังนั้นจำเป็นต้องระวังในการคุยหรือเรียนกับคุณครูในแต่ละครั้งก็ยังคงต้องสวมใส่หน้ากากอนามัยและใช้เจลล้างมือบ่อยๆเช่นเดิม

 

สนับสนุนโดย.  ufabet สมัคร

Continue Reading

ข้ออ้างของครูที่ทำร้ายเด็ก

            ข่าวเกี่ยวกับเด็กนักเรียนระดับชั้นอนุบาล ซึ่งเป็นเพียงเด็กนักเรียนระดับชั้นอนุบาลหนึ่งเพียงเท่านั้น ถูกครูพี่เลี้ยงทำร้ายด้วยการตี  การจับหัวโขกโต๊ะ  การผลักติดผนังห้อง และยังมีการนำเด็กไปขังในห้องน้ำ หรือบางครั้งก็ให้เด็กออกยืนหน้าห้องเป็นชั่วโมง  กำลังเป็นกระแสโด่งดังมากในตอนนี้

             เพราะพ่อแม่ของเด็กต่างก็พากันไม่ยอม พยายามหาหลักฐานที่ครูทำร้ายลูกของตัวเอง เอามาเพื่อนำไปส่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในการดำเนินคดีเอาผิดครูคนนี้ให้ได้ เพราะผู้ปกครองหลายคนกลัวว่า เหตุการณ์ที่ลูกของตัวเองถูกครูทำร้ายในโรงเรียนนี้จะเงียบไป และครูจะเสียค่าปรับเพียงแค่ 500 บาทแล้วก็จะลอยนวลไม่มีความผิดนั่นเอง 

            อย่างไรก็ตามในระหว่างที่เรื่องราวของครูตีเด็กของโรงเรียนสารสาสน์  ราชพฤกษ์ กำลังมีการถูกนักข่าวนำมาเสนอข่าวจนเป็นข่าวโด่งดังทั่วประเทศอยู่ในขณะนี้  ทางด้านโรงเรียนก็ทำได้เพียงแค่ ยกเลิกการจ้างงานครูคนดังกล่าว และส่งเรื่องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดี 

          ส่วนทางด้านครูที่ทำความผิดนั้น ได้ออกมาพูดคุยเรื่องนี้กับนักข่าวว่า ที่เธอทำไปเพราะว่าเธอเครียดแล้วมาเจอกับเด็กเล็กๆจำนวนหลายคนที่เธอต้องดูแล และพอเด็กดื้อจึงทำให้เธอนั้นต้องลงโทษเด็ก ซึ่งเธอบอกว่าเธอมีปัญหาส่วนตัวในครอบครัวทำให้เธอเครียด เพราะแม่ของเธอไม่สบาย และอีกงานของเธอก็เยอะ บางครั้งทำงานไม่ทัน จึงอาจจะมีการระบายอารมณ์ด้วยการมาลงมือทำร้ายเด็ก ตามที่เห็นในคลิป

        ซึ่งจากคำพูดประโยคนี้ มันกำลังสื่อให้เห็นว่าครูคนนี้ไม่ได้มีวุฒิภาวะมากพอที่จะมาเป็นครูได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งครูที่ต้องมีหน้าที่ดูแลเด็กนักเรียนระดับชั้นอนุบาลนั้น ยิ่งไม่สมควรให้เธอมาดูแล เพราะว่าไม่สามารถแยกแยะ ความรู้สึกของตัวเองได้  เมื่อมีเรื่องเครียดหรือเรื่องมารบกวนจิตใจก็ระบายออกด้วยการทำร้ายเด็กแทน คนที่มีภาวะจิตใจแบบนี้ไม่สมควรมาประกอบอาชีพครู เพราะผลที่ตามมานั้นจะมีผลเสียต่อเด็กเยอะมาก เพราะเด็กอนุบาล 1 นี้กำลังเพิ่งเริ่มเข้ามาเรียนหนังสือในโรงเรียน 

         พวกเขาควรเจอครูที่สามารถโน้มน้าวให้พวกเขาอยากมาโรงเรียน อยากเรียนหนังสือ รักการมาโรงเรียนเพราะเป็นการปูรากฐานที่ดีให้กับเด็ก แต่เมือมาโรงเรียนแล้วต้องมาเจอกับครูแบบนี้จะทำให้จิตใจของเด็กได้รับการกระทบกระเทือนและไม่อยากมาโรงเรียน ที่สำคัญเด็กจะมีบาดแผลในใจไปอีกนานเลยทีเดียว 

          ครูที่ดีนั้น ต่อให้มีเรื่องราวเศร้าเสียใจมากมายแค่ไหน แต่นั่นก็เป็นเรื่องส่วนตัวของครู ไม่สมควรนำมาปะปนกับเรื่องของงาน และยิ่งไม่สมควรที่จะมาลงกับเด็กนักเรียน  ดังนั้น การที่บอกว่าเครียดเรื่องส่วนตัวจึงมาลงกับเด็กนั้น มันเป็นเพียงแค่ข้ออ้างเท่านั้น 

 

สนับสนุนโดย  gclub สมัครสมาชิก

Continue Reading

How to อยู่ร่วมกับเพื่อนบ้านอย่างไรให้มีความสุข

ปัจจุบันนี้มีข่าวเพื่อนบ้าน บ้านใกล้เรือนเคียงทะเลาะเบาะแว้งกันออกมาให้เห็นบ่อยๆ บางคนก็แค่มีปากมีเสียง บางคนก็ถึงขั้นลงไม้ลงมือทำร้ายร่างกายกัน หนักสุดถึงขั้นฆ่ากันตาย ซึ่งปัญหาก็มีจากหลายสาเหตุมาก เช่น การแย่งที่จอดรถหน้าบ้าน สุนัขของบ้านหนึ่งมาอุจจาระหน้าบ้านคนอื่น เป็นต้น ด้วยความรุนแรงที่เพิ่มขึ้นจากการทะเลาะเบาะแว้งกัน วันนี้เราจึงอยากมาแนะนำวิธีที่จะทำให้อยู่กับเพื่อนบ้านได้อย่างมีความสุข

1.ทำความรู้จักกับเพื่อนไว้

การที่สร้างสัมพันธ์ สร้างมิตรภาพ เราก็ต้องเริ่มจากการทำความรู้จักกันก่อน ดังนั้นเมื่อเราย้ายเข้าไปอยู่บ้านใหม่ หรืออยู่บ้านมานานแล้วแต่ไม่เคยทำความรู้จักกันก็ควรเริ่มทำความรู้จักกับเพื่อนบ้าน เพื่อที่จะได้มีเพื่อนพูดคุยหรือสามารถพึ่งพาเพื่อนบ้านได้ในยามคับขัน ยามเจ็บป่วย หรือแม้กระทั่งถ้ามีปัญหาก็จะสามารถเจรจาพูดคุยตกลงกับเพื่อนบ้านได้ง่ายกว่าการที่ไม่เคยทำความรู้จักกันเลย

2.แบ่งปันเพื่อนบ้าน มีน้ำใจแก่เพื่อนบ้าน

การแบ่งปันเพื่อนบ้าน และมีน้ำใจให้แก่เพื่อนบ้านถือว่าเป็นสิ่งที่ดีมาก เช่น เราทำอาหารไว้เยอะเราก็นำอาหารไปแบ่งปัน หรือไปต่างจังหวัดก็ซื้อของมาฝากเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะหากเราจะวานให้เพื่อนบ้านช่วยเหลือเราอะไรสักอย่างเราก็ควรมีสินน้ำใจตอบแทน อย่างเวลาเราไม่อยู่บ้าน ไปต่างจังหวัด เราก็อาจจะวานให้เพื่อนบ้านช่วยสอดส่องดูแลบ้านให้หน่อย รวมถึงดูแลสัตว์เลี้ยงขณะที่ไม่อยู่ให้ด้วย ถ้าอย่างนั้นเราก็ต้องซื้อของมาตอบแทน หรือมีอะไรก็ต้องรู้จักแบ่งปันเพื่อนบ้าน

3.พึ่งพากันและกันได้ 

ในที่นี้ไม่ใช่ว่าเราจะพึ่งพาเพื่อนบ้านฝ่ายเดียว แต่เราสามารถให้เพื่อนบ้านพึ่งพาเราได้ด้วย หากยามที่เพื่อนบ้านเดือดร้อน หรือยามที่เพื่อนบ้านต้องการความช่วยเหลือ อาจจะให้เราสอดส่องดูแลบ้านให้บ้าง ดูแลสัตว์เลี้ยงให้บ้าง หรือแม้กระทั่งฝากรับพัสดุแทนก็ตาม ทั้งนี้ก็ต้องดูด้วยว่าเรื่องที่เพื่อนบ้านจะพึ่งพาเรานั้นลำบากเกินตัวเราไปหรือไม่ ถ้าลำบากเกินตัวเราไปเราก็สามารถปฏิเสธได้

4.มีความเกรงใจซึ่งกันและกัน

ถ้าเราอยากให้เพื่อนบ้านเกรงใจเรา เราก็ต้องเกรงใจเพื่อนบ้านด้วย พฤติกรรมอะไรที่จะเป็นการสร้างปัญหา สร้างความเดือดร้อน สร้างความรบกวนให้แก่เพื่อนบ้านเราก็หลีกเลี่ยงที่จะไม่ทำ อย่างเช่น การให้เพื่อนบ้านมาช่วยเหลือเราบ่อยๆ มันก็คงจะไม่ดี ไม่มีความเกรงใจกัน เราต้องหัดพึ่งพาตัวเองให้ได้ก่อน หากไม่ได้จริงๆถึงค่อยขอความช่วยเหลือจากเพื่อนบ้าน เพราะเราเองก็คงรำคาญหรือไม่ชอบเหมือนกันถ้าเพื่อนบ้านไม่มีความเกรงใจ มาขอร้องขอความช่วยเหลือจากเราบ่อยๆ หรือจะเป็นเรื่องการสร้างความสกปรก สร้างเสียงดัง ก็เป็นพฤติกรรมที่ไม่ควรทำเช่นกัน

5.มีปัญหาอะไรต้องรู้จักพูดคุย

หากเรามีปัญหาอะไรกับเพื่อนบ้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กน้อยหรือไม่เราก็ต้องรู้จักบอกเพื่อนบ้านไปตรงๆ อย่าไปโพสข้อความบนโซเชียลมีเดียเพื่อประจาน เพื่อแขวะหรือเพื่อประชดประชัน เพราะนั่นอาจจะทำให้เรื่องราวบานปลาย และกลายเป็นการทะเลาะกันใหญ่โตได้ การพูดคุยกันอย่างเปิดอกเปิดใจน่าจะดีกว่า เพราะหากเราโดนเช่นนั้นบ้างเราก็คงจะไม่ชอบที่เพื่อนบ้านโพสประจาน โพสแขวะเราเช่นนั้น หากมีปัญหาจึงควรเดินเข้าไปคุยกันต่อหน้า ไปคุยกับอย่างเปิดใจ และทางแก้ไขปัญหาร่วมกัน หาจุดตรงกลางที่จะสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข 

นี่ก็เป็นวิธีเล็กๆน้อยๆที่จะทำให้เราสามารถอยู่ร่วมกันกับเพื่อนบ้านได้อย่างมีความสุข หากเราทำดีแล้ว เราเป็นเพื่อนบ้านที่ดีแล้ว ก็จะไม่ใครสามารถมาว่าเราได้ ถ้าในทางกลับกันเราเจอเพื่อนบ้านที่ไม่ดี เราทำดีด้วยก็ยังไม่ดีตอบ เรานิ่งได้ก็ควรนิ่ง เฉยได้ก็ควรเฉย ต่างคนต่างอยู่ ไม่ต้องสนใจหรือให้ความสำคัญ มองผ่านไปเลย แต่ถ้าเพื่อนบ้านเรายังสร้างปัญหาอีกก็ขอแนะนำให้ใช้กฎหมายแทนความรุนแรง ให้มีคนกลางเข้ามาเจรจาดีกว่าไปมีปากมีเสียงกัน

 

สนับสนุนโดย  sa gaming ทดลองเล่น

Continue Reading

Beauty standard มาตรฐานความงามที่ไม่ควรมีมาตรฐาน

หลายๆครั้งที่สังคมไทยมักให้ค่าความงามของผู้หญิงไม่เท่ากัน ทั้งที่ผู้หญิงก็เป็นผู้หญิงเหมือนกัน เพศสภาพเดียวกัน แต่กลับวัดคุณค่าของผู้หญิงด้วยความสวยงาม ทั้งที่ความสวยงามของผู้หญิงแต่ละคนมีความแตกต่างกัน ไม่สามารถเอามาตรฐานทางสังคมมาจัดลำดับความสวย ให้ค่าความสวยงามกับผู้หญิงแต่ละคนได้

แล้ว Beauty standard คืออะไร

Beauty standard คือมาตรฐานความงามของผู้หญิงที่คนในสังคมส่วนใหญ่เป็นคนกำหนดขึ้นมาเอง หรือยกย่องว่าผู้หญิงรูปร่างหน้าตาแบบไหนคือผู้หญิงสวย ซึ่งไม่อาจทราบได้เหมือนกันว่าสังคมใช้อะไรมาเป็นเกณฑ์วัดความสวย เพราะในเมื่อผู้หญิงแต่ละคนก็มีรูปร่างหน้าตาที่แตกต่างกันไปอยู่แล้ว ถ้าจะให้ผู้หญิงรูปร่างหน้าตาแบบเดียวกันหมดยิ่งเป็นไปไม่ได้ ลำพังแค่ยีนเด่นยีนด้อยที่ได้จากพ่อแม่ก็ไม่เหมือนกันแล้ว เพราะฉะนั้นการจะมากำหนด ตั้งเกณฑ์ความสวยมาตรฐานให้กับผู้หญิงดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่เป็นไปเอาไม่ได้เสียเลย อีกทั้งยังก่อให้เกิดปัญหาทางสังคมดังนี้

  1. เกิดการเปรียบเทียบ

เมื่อใดก็ตราบที่มีการกำหนดมาตรฐาน กำหนดตัวชี้วัดอะไรในสังคม คนในสังคมจะข้อเปรียบเทียบได้ อย่างเช่น กรณีพี่สาวกับน้องสาว หากมีคนใดคนหนึ่งหน้าตาเด่นกว่า อีกคนมีหน้าตาด้อยกว่า คนในสังคมก็จะเปรียบเทียบว่าทำไมคนนี้สวยกว่า คนนี้หุ่นดีกว่า ขนาดฝาแฝดยังมีรูปร่างหรือจุดที่แตกต่างกัน แล้วทำไมคนในสังคมถึงนำประเด็นเหล่านี้มาเป็นข้อเปรียบเทียบได้ 

  1. เกิดการ Bully

ข้อนี้เป็นปัญหาที่เห็นได้ทั่วไปในสังคมเลย เพราะเมื่อใดก็ตามที่มีผู้หญิงคนใดรูปร่างหน้าตาไม่ถูกใจตามที่สังคมกำหนดเกณฑ์มาตรฐานความงามไว้ ผู้หญิงคนนั้นก็จะถูกสังคม bully โดนคนรอบข้างรังแก เพราะเธอมีหน้าตาไม่สวยไม่งามไม่ได้ตามมาตรฐานความงามที่สังคมกำหนด

  1. เกิดความลำเอียง การเลือกปฏิบัติ

แน่นอนว่าหากมีคนที่รูปร่างหน้าตาสวยงามตรงมาตรฐานความงามที่สังคมกำหนด คนในสังคมจะต้องอยากเข้าหา อยากทำความรู้จัก หากเกิดปัญหาอะไรคนในสังคมก็พร้อมช่วยเหลือมากกว่า กรณีแบบนี้มีให้เห็นในสังคมวัยเรียนและวัยทำงาน เช่น การประกวดดาวเดือน หากน้องคนไหนเป็นดาวเป็นเดือน หรือมีหน้าตาน่ารักสวยงาม พี่ๆเพื่อนๆก็จะเข้าหา ให้ความช่วยเหลือ หรือการสมัครงานผู้หญิงที่มีรูปร่างหน้าตาดีมักจะเข้าตาคนอื่นอยู่เสมอ ทำให้เป็นที่โดดเด่นและอาจได้คะแนนความสนใจเป็นพิเศษ เป็นต้น

ถ้าเป็นเช่นนี้แล้ว การมี Beauty standard จะจำเป็นขนาดไหนหรือ ในเมื่อมีแต่จะก่อให้เกิดปัญหาในสังคม ก่อให้เกิดการเปรียบเทียบ การเลือกปฏิบัติ การ Bully สังคมไม่ควรกำหนดว่าหรือจำกัดว่าคนไหนเป็นคนสวย คนไหนเป็นคนน่ารัก คนไหนรูปร่างดี คนไหนหน้าตาดี เพราะความสวยความงามเป็นเรื่องที่ผู้หญิงทุกคนมีแตกต่างกันไป และผู้หญิงทุกคนก็รักในความเป็นตัวเองที่ไม่เหมือนกัน การจะเอามาตรฐานความงามมากำหนดให้ผู้หญิงต้องสวยในรูปแบบนี้เหมือนกันหมดคงเป็นไปไม่ได้ ไม่ว่าจะผิวพรรณสีอะไร หน้าอกคัพอะไร

รูปร่างแบบไหน หน้าตาแบบไหน ก็ไม่ควรมีมาตรฐานทางสังคมมากำหนดว่าแบบไหนสวย ความสวยคือสิ่งที่กำหนดไม่ได้ ความสวยควรเป็นความคิดที่ผู้หญิงทุกคนควรมีต่อตัวเอง เพราะผู้หญิงทุกคนมีความสวยในแบบตัวเองแตกต่างกันไป เราจึงต้องมองตัวเองสวย สวยโดยที่ไม่จำเป็นต้องเหมือนใคร สวยในแบบของตัวเอง สวยโดยที่ไม่ต้องมีมาตรฐานเกณฑ์วัดอะไรจากสังคม สวยโดยที่ไม่ต้องรอให้ใครมาบอกหรือชื่นชม ความสวยของผู้หญิงทุกคนแตกต่างกันตั้งแต่วันที่เรามาจากไข่คนละใบแล้ว ดังนั้นจงภูมิใจในตัวเอง ภูมิใจในรูปร่างหน้าตาของตัวเอง และอย่าลดคุณค่าตัวเองเพียงเพราะมาตรฐานความงามทางสังคม  

 

 

สนับสนุนโดย    gclub slot เล่นผ่านเว็บ

Continue Reading

พ่อแม่เรียนรู้และเข้าใจวัยรุ่น

ในปัจจุบันปัญหาวัยรุ่นนั้นถือว่าเป็นสิ่งที่กวนใจพ่อแม่ไม่เบาเลยทีเดียว เพราะด้วยช่วงอายุช่วงวัยที่กำลังอยากรู้อยากลงอยากลองทำสิ่งใหม่ๆสิ่งที่ไม่เคยทำ ทำให้ในบางครั้งวัยรุ่นอาจจะมีการหลงทางหรือหลงผิดไปบ้างเนื่องจากอาจจะยังไม่มีวุฒิภาวะที่มากพอ ทำให้เกิดเป็นปัญหาในช่วงวัยนี้ได้ดังนั้นแล้วถ้าหากพ่อแม่ครอบครัวมีการเรียนรู้เพื่อทำความเข้าใจในช่วงวัยของลูกนั้น

ก็จะสามารถช่วยลดปัยหาที่อาจจะเกิดขึ้นตามมาต่างๆได้ เพราะลูกจะไม่รู้สึกโดดเดียวเมื่อตัวเองนั้นเกิดทำผิดพลาดในเรื่องต่างๆนั่นเอง และกล้าที่จะปรึกษาพูดคุยกับพ่อแม่ในทุกๆเรื่องและสิ่งที่พ่อแม่ครอบครัวนั้นต้องเรียนรู้และเข้าใจตัวลูกและการปฏิตัวต้วต่อลูกเมื่อลูกนั้นกำลังเข้าสู่วัยรุ่น

ใช้คำสอนไม่ใช่คำดุด่าว่ากล่าว ช่วงวัยรุ่นเมื่อมีการอยากรู้อยากลองสิ่งที่อยากรู้อยากลองอยาจจะนำมาซึ่งเรื่องผิดพลาดได้ เมื่อพ่อแม่รู้ถึงปัญหาที่ลูกนั้นกำลังทำผิดหรือกำลังทำในสิ่งที่ไม่ควรนั้นพ่อแม่ควรมีการสอนว่าสิ่งที่ลูกทำนั้นไม่ดีและให้ผลเสียต่อตัวเองและต่อคนอื่นอย่างพูดคุยกับลูกด้วยเหตุด้วผลควรมีการดุด่า

เพราะการดุด่าว่ากล่าวนั้นจะทำลูกนั้นรู้สึกโดดเดี่ยวและเมื่อเกิดปัญหาอีกครั้งเขาจะไม่กล้ามาเล่าให้พ่อแม่ฟังหรือไม่กล้าขอความช่วยเหลือจากพ่อแม่และครอบครัวทำให้ความผิดที่เขากระทำนั้นอาจจะเป็นความผิดพลาดที่มีความใหญ่ขึ้นได้นั่นเอง ดังนั้นการสอนวิธีคิดการใช้เหตุใช้ผลให้ลุกถือเป็นเรื่องที่ดีและควรเรียนรู้เพื่อความเข้าใจในตรงนี้อย่างมากด้วย

ยอมให้ลูกได้ทำตามสิ่งที่ต้องการบ้าง เมื่อลูกเข้าสู่วัยรุ่นพ่อแม่ทุกคนมักจะมีความกังวลในในสิ่งที่ลุกทำในช่วงนี้เพราะกลัวว่าลูกนั้นจะออกนอกลู่นอกทางได้ ดังนั้นแล้วเป็นห่วงได้และพ่อแมก็ควรเป็นห่วงลูกอย่างมีขอบเขตเช่นกัน ลูกอยากทำอะไรอยากลองอะไรพ่อแม่ควรเปิดโอกาสให้ลุกลองในสิ่งๆนั้นแต่การลองหรือทำในสิ่งๆนั้น

ก็ควรเป็นการกระทำในสิ่งที่เหมาะสมและเมื่อลูกทำการที่พ่อแม่นั้นสนับสนุนถือเป็นสิ่งที่ดีและจะทำให้ลูกรู้สึกสบายใจเมื่อได้ลองทำสิ่งเหล่านั้นและแน่นอนว่าถ้าหากสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่ดีและใช้สำหรับลูกก็ถือเป็นการช่วยให้เขานั้นได้ค้นพบในความเป็นตัวของตัวเองในเวลาที่เร็วขึ้นเพื่อที่เขานั้นจะสามารถวางแผนในการใช้ชีวิตในอนาคตต่อไปได้นั่นเอง

ให้ลูกได้พักผ่อนและใช้เวลาร่วมกันบ้าง พ่อแม่ทุกคนนั้นทำทุกสิ่งเพื่อให้ลูกนั้นเป็นคนดีและเป็นไปตามที่คาดหวังทั้งเรื่องการเรียนและเรื่องการใช้ชีวิตดังนั้นแล้วในช่วงวัยรุ่นนั้นบางครั้งถ้าหากมีการกดดันในเรื่องใดเรื่องหนึ่งที่มากเกินไปก็อาจจะก่อเกิดเป็นความเครียดในตัวลูกที่กำลีงเป็นวัยรุ่นได้นั่นเอง ดังนั้นแล้วควรจะให้ลูกได้พักผ่อนและทำกิจกรรมที่ผิ่นคลายบ้างและจะให้ดีและจะสามารถทำให้พ่อแม่นั้นเข้าใจลูกมากขึ้นคือการใช้วลาหรือกากิจกรรมทำร่วมกันภายในครอบครัว

 

ขอบคุณผู้ให้การสนับสนุนโดย  gclub casinoทดลองเล่น

Continue Reading

ทำไมคนเราต้องมีเพื่อน

ในชีวิคนเรานั้นล้วนเกิดมาแล้วต้องได้พบเจอกับเพื่อนกันทั้งนั้นแต่ในแต่ละคนนั้นต่างกันแค่ว่ามีเพื่อนเยอะหรือมีเพื่อนน้อยนั่นเองซึ่งเพื่อนของแต่ละคนก็จะมีความแตกต่างกันออกไปตามแต่ละช่วงวัยด้วยและเรานั้นสามารถที่จะได้พบเพื่อนใหม่ที่จะเข้ามาในชีวิตได้ทุกช่วงเวลาตั้งแต่เด็กไปจนแก่เลยทีเดียว

แต่บางคนอาจจะมีความสงสัยว่าทำไมคนเรานั้นจะต้องมีเพื่อนแลพเพื่อนเป็นสิ่งที่จำเป็นและมีความสำคัญอย่างไรบ้าง คำถามนี้หลายคนอาจจะมีคำตอบแต่สำหรับคนที่ไม่มีคำตอบเราจะมาบอกเล่าว่าทำไมคนเรานั้นจึงต้องมีเพื่อน

การมีเพื่อนเป็นสิ่งที่ดีที่เข้ามาในชีวิตสิ่งหนึ่งและเป็นสิ่งที่ดีมากกว่าการเข้ามาของคนรักเสียอีกเพราะเพื่อนนั้นเป็นสิ่งที่ยากจะตัดขาดและนี่ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่เป็นเหตุผลว่าทำไมคนเรานั้นจึงจำเป็นต้องมีเพื่อน เพื่อนนั้นจะคอยช่วยเหลือเราอยู่ทุกเมื่อโดยส่วนใหญ่แล้วสำหรับคนที่เป็นเพื่อนกันนั้นถ้าหากมีปัญหาหรือเรื่องทุกข์ร้อนใจเราก็มักจะต้องการคนที่จะรับฟังในเรื่องแย่ๆ

หรือเรื่องที่เราไม่สบายใจและคนที่เราเลือกที่จะรับายสิ่งต่างๆออกไปให้ฟังนั้นก็มักจะเป็นเพื่อนที่อยู่เคียงข้างเราเสมอนอกจากรับฟังแล้วนั้นเพื่อนยังเป็นคนที่คอยซัพพอร์ตเราในเรื่องต่างๆที่ดีอีกด้วยรองมาจากพ่อแม่และครอบครัว เพื่อนจะทำตัวเหมือนคนในครอบครัวของเราอีกคนนั่นเอง

ถือว่าเป็นเรื่องที่เรานั้นควรจะดีใจอย่างมากโดยเฉพาะถ้าหากเรานั้นมีเพื่อนที่ดีและรักเราด้วยใจจริงเพื่อนคนนั้นจะยอมรับในทุกเรื่องของเราได้และจะคอยซัพพอร์ตเราอยู่เสมอๆด้วยนั่นเอง

ทำไมคนเราต้องมีเพื่อนก็เพื่อเป็นแรงจูงใจให้กันและกัน การเป็นแรงจูงใจให้กันและกันก็คือการชวนกันในการทำสิ่งต่างๆ พบว่าในกลุ่มเพื่อนนั้นมักจะมีการเกิดแรงจูงใจระหว่างกันเสมอ ยกตัวอย่างเช่นแรงจูงใจในการออกกำลังกายเพมื่อมีเพื่นคนหนึ่งนั้นออกกำลีงกายก็จะทำให้เพื่อนคนแนๆนอยากที่จออกไปด้วย

ทำให้เกิดการออกกกำลังกายในกลุ่มเพื่อนขึ้นมานั่นเองหรือเรื่องที่เห็นได้ชัดในปัจจุบันคือการช็อปปิ้งถ้าหสกเรานั้นมีเพื่อนเมื่อเพื่อนซื้ออะไรเรานั้นมักจะซื้อตามเสมอและน่ถือเป็นการเกิดแรงจูงใจสำหรับเพื่อนนั่นเอง นอกจากนี้การมีเพื่อนไม่ว่าจะจำนวนมากหรือน้อยสิ่งสำคัญที่สุดเพื่อนนั้นจะต้องเป็นคนที่ดีต่อเราและไว้ใจได้นั่นเอง

 

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย    สล็อต777คาสิโนออนไลน์

Continue Reading

คนขาดความรัก

มาเช็คกันว่าเรานั้นกำลังเป็นคนขาดความรักอยู่หรือไม่ อาการขาดความรักนักถ้าปล่อยให้ตัวเองนั้นเป็นในระยะยาวอาจจะเกิดเป้นอาการเรื้อรังและเกิดเป็นความป่วยทางจิตได้ในที่สุด ซึ่งการขาดความรักนั้นอาจจะมีสาเหตุม่กสิ่งแสดล้แมรอบตัวใวงที่กำลังเติบโตหรือการขาดความรักความอบอุ่นจากครอบครัวนั่นเอง ซึ่งการขาดความรักนั้นโดยส่วนใหญ่จะเกิดจากคนที่มีครอบครัวไม่สมบูรณ์หรือครอบครัวที่เกิดการแยกทางหรือการหย่าร้างขึ้น 

ทำให้เรานั้นอาจจะมีอาการขาดความรักได้ซึ่งในบางครั้งผู้ที่ขาดความรักอาจจะรู้ตัวและอาจจะไม่รู้ตัวโดยคนที่รู้ตัวนั้นก็จะสามารถหาทางแก้ไขและกลับมาใช้ชีวิตได้ปกติในเวลาอันรวดเร็วส่วนคนที่ไม่รู้ตัวนั้นยังคงปฏิเสธเสมอว่าตัวเองนั้นปกติโดยความจรองแล้วเรานั้นกำลังอยาในอาการขาดความรักแต่ไม่สามารถรู้ตัวเองได้ และเมื่อยิ่งปฏิเสธเท่าไหร่เราก็จะแสดงอาการออกมาชัดเจนมากยิ่งขึ้นทำให้เกิดเป็นปัญหาในการใช้ชีวิตได้ด้วย ดังนั้นแล้วเราควรจะรีบเช็คตัวเองว่าเรานั้นมีคสามผิดปกติตามข้อต่างดังนี้หรือไม่ ถ้ามีก็อาจจะเข้าข่ายอาการคนขาดความรักนั่นเอง

ชอบเรียกร้องความสนใจ ชอบสร้างเรื่องหรือเหตุการณ์ให้ดูน่าสนสารหรือการทำตัวเป็นที่ให้คนอื่นนั้นสนใจอยู่เสมอ และถ้าหากทำแล้วไม่มีคนสนใจก็จะยิ่งทำมากยิ่งขึ้นจนกว่าจะมีคนสนใจนั่นเอง ซึ่งอาการเหล่านี้นั้นถือว่าเป็นอาการในระยะเบื้อต้นเพียงเท่านั้นเพราะบางครั้งการเรียกร้องความสนใจก็ไม่ได้แปลงว่าเรานั้นขาดความอบอุ่นเสมอไปแต่ถ้าหากมีการกระทำเช่นนี้บ่อยๆก็อาจจะต้องมีการพิจารณาแล้วว่าเรานั้นกำลังเป็นคนขาดความรักความอบอุ่นอยู่หรือไม่

อยากจะเป็นที่หนึ่งในใจผู้อื่นเสมอ เวลาที่เรากระทำสิ่งใดต่อคนคนหนึ่งเรานั้นอยากที่จะได้ใจเขาเสมอแต่ถ้าหากเราไม่ได้เป็นที่หนึ่งในใจเขาและเขายังเห็นความำคัญคนอื่นมากกว่าเรา เราก็จะมีอาการพาลและโกรธคนที่ได้รับความสำคัญมากกว่าเรานั่นเองและในบางครั้งความโกรธก็นำพาไปซึ่งความเกียจด้วย เพราะเรานั้นไม่ได้เป็นที่หนึ่งในใคนคนนั้นทั้งๆที่อีกคนไม่ได้มีความผิดอะไรเลยดังนั้นแล้วถ้าหากเริ่มมีอาการในลักษระนี้ถือว่าเป็นอาการที่บ่งยอกได้ว่าเรานั้นกำลังขาดความรักความอบอุ่นอย่างแน่นอนเพราะเรานั้นไม่สามารถที่จะวางใจเป็นกลางได้นั่นเอง

เมื่อเห็นคนรักกันรู้สึกอิจฉาหรือซึมเศร้า อาการนี้สามารถบางบอกว่าเรานั้นเป็นคนขาความรักได้อย่างชัดเจน เพราะในคนปกติเมื่อเราเห็นคนอื่นรักกันเรานั้นจะรู้สึกยินดีและไม่ได้รู้สึกมีความอิจฉาและไม่อยากให้เขานั้นรักกัน ดังนั้นถ้าหากเราเริ่มมีอาการดังกล่าวแล้วนั้นเราควรจะทบทวนตัวเองหรือการพบแบมย์เพื่อปรึกษาก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะสามารถช่วยให้อาการขาดความรักของเรานั้นไม่เกิดการเรื้อรัง

 

 

สนับสนุนโดย  สมัครเอเย่นต์ ufabet

Continue Reading

กลโกงบาคาร่าเล่นยังไงให้ได้เงิน

หากพูดถึงบาคาร่าแล้วนั้นหลายคนที่เคยเล่นหรือกำลังเล่นอยู่ก็อาจจะมีความสงสัยว่าทำไมเวลาที่เล่นแล้วนั้นเล่นไม่เคยได้หรือได้แล้วก็มักจะหมดในตอนสุดท้ายหรืออยู่กับเราไม่นาน ดังนั้นแล้วในการเล่นเกมส์หรือเบ่นบาคาร่าก็ตามก็มักจะต้องมัสูตรรการเล่นหรือกลโกงเพื่อใช้ในการเล่นเพื่อให้ได้ม่ซึ่งชัยชนะหรือได้เงินนั่นเอง

 โกงโดยนแจกไพ่ ซึ่งพนานที่แจกไพ่ทุกคน ย้ำว่าทุกคนมีการถูกฝึกมาเป็นอย่างดีและมีความชำนาญอย่างมาก ในบางครั้งที่เห็นหน้าตาของคนแจกไฟ่ซื่อๆสวยๆนั้นคิดว่าไม่มีอะไรแต่จะบอกว่าหน้าตาสวยๆเหล่านี้ตัวดีเลยทีเดียว ทุกอย่างมีความละเอียดมากกว่าที่จะให้แจกไฟ่เหมือนที่เห็นนั้น พนักงานแจกไพ่พวกนี้สามารถเปลี่ยนสถานการณ์หรือที่เรียกว่าพนังานสามารถเลือกได้ว่าจะเอาไพ่ใบไหนออกมาหรือให้ฝั่งไหนชนะ ซึ่งขึ้นอยู่กับคนแจกไพ่ด้วยนั่นเอง ดังนั้นแล้วในการเล่นจะต้องสังเกตคนแจกไพ่ให้ดีไม่ย่างนั้นอาจจะโดนโกงและต้องสูญเงินจำนวนมากแต่ถ้ามีการสังเกตคนแจกพ่ออย่างดีแล้วนั้นเราก็สามารถที่จะย้ายห้องเล่นหรือหยุดเล่นเพื่อให้เรามีต้องเสียเงิน

การโกงโดยใส่กล่อง ใส่ไพ่หรือคนที่ควบคุมอยู่เบื้อหลังเนื่องจากใบไพ่ด้านหน้ากล่องจะมีลักษณะทึบสีดำบ้าง สีขาวบ้าง สีแดงบ้าง และแต่บอทของไพ่นั้นๆ ซึ่งไพ่ตัวนี้แหละคือบทที่จะทำการเปลี่ยนไพ่หรือดีดไพ่และทำให้หลายคนนั้นหมดเนิ้หมดตัวได้เลยทีเดียว ดังนั้นก็จะต้องมีการสังเกตเหมือนกับข้อแรก ถ้าหากเล่นไปแล้วมีความรู้สึกแปลกๆก็อาจจะทำการหยุดเล่นและมีการแจ้งไปยังระบบเกมส์หรือบาคาร่าที่เราเล่นเพื่อให้ระบบทำการแก้ไขในเรื่องนี้ได้ แต่ในบางครั้งก็อาจจะไม่เกี่ยวกับตัวเปลี่ยนไพ่สะทีเดียวเพราะบางครั้งเรื่องสัญญาณอินเตอร์เน็ตแบะบักษณะการเล่นของแต่ละคนมีความแตกต่างกันด้วยก็อาจจะต้องใช้วืจารณญาณในการเล่นด้วย

การโกงโดยการล็อกอินเปลี่ยนฝั่ง ถ้าหากฝั่งไหนมีการแทงในจำนวนเงินที่เยอะก็จะเสียหรือแพ้แต่ถ้าหากฝั่งไหนแทงน้อยก็จำทำให้ชนะเป็นต้น โดยพนักงานที่ทำการแจกไพ่จะเป็นผู้ที่เห็นจำนวนเงินในการลงเพื่อแทงทุกครั้งเพื่อไม่ให้เกิดความขาดทุนหรือในบางครั้งก็อาจจะใช้พนักงานเป็นคนเล่นและวางเงินเดิมพันในฝั่งที่ถูก การเล่นจึงต้องเป็นการลุ้นเพราะในบางครั้งบาคาร่าก็อาจจะใจดีและแจกให้ผู้เล่นแต่เอด้แล้วควรจะหยุดและไม่ควรโลภไม่อย่างนั้นจะต้องเสียเงินที่ได้อย่างแน่นอน

ถึงแม้การเล่นบาคาร่าจะมีการโกงจากเกมส์เกิดขึ้นแต่ก็ไม่ได้มีการโกงอยู่เสมอและเห็นได้ว่าผู้เล่นก็มีโอกาสที่จะได้เงินจากการเล่นบาคาร่าเช่นกัน แต่คนส่วนใหญ่ที่เล่นแล้วไม่ได้เงินนั้นมักเกิดจากความโลภของตัวเองนั่นเอง

 

ขอบคุณผู้ให้การสนับสนุนโดย    เวปยูฟ่าเบท

Continue Reading

Miracle in cell no.7

Miracle in Cell No.7 หรือชื่อไทยว่า ปาฏิหาริย์ห้องขังหมายเลข 7 เป็นภาพยนตร์เกาหลีที่เข้าฉายในปี 2013 และทำรายได้อย่างถล่มทลาย ด้วยความที่ภาพยนตร์มีครบรส ทั้งดราม่า ตลก ขำขัน ความสุข และที่แน่ๆเลยคือทุกคนที่ได้ดูภาพยนตร์เรื่องนี้ต่างต้องเสียน้ำตากันนับไม่ถ้วน ด้วยเหตุเหล่านี้เองจึงไม่ยากเลยที่จะทำให้ภาพยนตร์เรื่อนี้ครองใจผู้ชม

ซึ่งหลายๆคนก็อาจจะรู้จัก เคยได้ยินชื่อ หรือได้รับชมภาพยนตร์เรื่องนี้กันมาบ้างแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นเราก็อยากมาแนะนำเผื่อใครอีกหลายคนที่ยังไม่รู้จักและยังไม่เคยได้ชมภาพยนตร์เรื่องนี้กันมาก่อน 

ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นเรื่องราวที่ถ่ายทอดชีวิตของ 2 พ่อลูกคู่หนึ่ง โดยคนพ่อชื่อ ยงกู เป็นชายวัยกลางคนที่มีสติไม่สมประกอบ เรียกง่ายๆก็คือ เป็นออทิสติก ส่วนคนลูกชื่อ เยซึง เป็นเด็กผู้หญิงหน้าตาน่ารักวัย 7 ขวบ สองพ่อลูกนั้นใช้ชีวิตปกติสุขอยู่ด้วยกันทุกวัน จนกระทั่งวันหนึ่งที่ชีวิตของสองพ่อลูกเดินทางมาถึงจุดเปลี่ยน เมื่อ ยงกู ผู้เป็นพ่อถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิด

โดยการฆาตกรรมเด็กสาวหญิงหนึ่งที่ตลาด ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วเขาเพียงแค่ต้องการจะช่วยชีวิตเด็กผู้หญิงคนนั้นให้รอดพ้นจากอุบัติเหตุก้อนอิฐหล่นทับศีรษะ และโชคร้ายยังไม่หมดแค่นั้น เมื่อเด็กผู้หญิงคนนั้นเป็นลูกของนายตำรวจระดับใหญ่ นายตำรวจใหญ่จึงบังคับให้ ยงกู รับสารภาพผิด ยงกู ต้องกลายเป็นแพะรับบาปในความผิดที่เขาไม่ได้ก่อ เขาถูกตัดสินโทษประหารชีวิต

และถูกนำตัวไปคุมขังในห้องขังหมายเลข 7 รวมกับนักโทษคนอื่นๆ ซึ่งนักโทษที่อยู่ในห้องขังนั้นล้วนแล้วแต่เป็นผู้ที่ก่อคดีโหดๆ ทั้งนั้น เมื่อ ยงกู ต้องไปอยู่ในเรือนจำเขาจึงเป็นห่วงลูกสาวของเขาเป็นอย่างมาก ด้วยความที่เขามีกันอยู่แค่ 2 คนพ่อลูกเท่านั้น เยซึงไม่มีญาติคนอื่นที่จะมารับไปเลี้ยง นักโทษร่วมห้องขังกับ
ยงกู ต่างเห็นใจเขา จึงได้คิดวิธีการลักพาตัวเยซึง มาหายงกู ถึงในห้องขัง และเรื่องราวความน่ารักตลอดเวลาที่เยซึงแอบเข้ามาในห้องงขังหมายเลข 7 ก็เริ่มต้นขึ้น

หลังจากที่ได้รับชมภาพยนตร์เรื่องนี้ไป ทำให้เรายิ่งสะท้อนเห็นถึงความอยุติธรรมในกระบวนการยุติธรรมที่ไม่หมดไปสักที  ได้เห็นถึงการพยายามเรียกร้องความบริสุทธิ์ของผู้เป็นพ่อคืนมานั้น มันช่างเจ็บปวดหัวใจเหลือเกิน แต่ถึงกระนั้นภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ยังสร้างรอยยิ้มและเสียงหัวเราะให้เราได้ไม่น้อย เมื่อต้องได้เห็นการใช้ชีวิตของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งร่วมกับผู้ต้องขังในห้องขังหมายเลข 7 เยซึง เด็กผู้หญิงที่ไม่เพียงแต่สร้างความสุข รอยยิ้ม เสียงหัวเราะให้แก่พ่อที่ป่วยด้วยออทิสติกเท่านั้น

แต่ยังสร้างความสุข รอยยิ้ม เสียงหัวเราะให้กับผู้ต้องขังทุกคนในห้องขังหมายเลข 7 ด้วย และสิ่งที่ทำให้ประทับใจไปไม่น้อยคือสายใยความสัมพันธ์พ่อลูกที่อบอุ่นแน่นแฟ้นหัวใจ ถ้าคุณมีโอกาสลองไปหาชมภาพยนตร์เรื่องนี้สักครั้งแล้วคุณจะตกหลุมรักไปกับทุกตัวละครที่อยู่ในห้องขังหมายเลข 7 

 

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  ae บาคาร่า

Continue Reading

อายุห่างกันไม่ใช่ปัญหา  

ถ้าเรานั้นเคยได้อ่านเกี่ยวกับเรื่องมีชาวจีนคู่หนึ่งที่แอบชอบเด็กผู้หญิงหนึ่งคนที่อายุนั้นเพียงแค่ 12 ขวบ  แต่ว่าชายหนุ่มนั้นอายุ 24 ปี  แต่ว่าการที่เรานั้นจะรักใครนั้นเป็นเรื่องที่เราให้พูดเกี่ยวกับความรัก  แต่ว่าการที่ชายหนุ่มผู้นี้นั้นได้มีอายุที่24 ปีแต่ว่าชายหนุ่มผู้นี้นั้นขอรอเพื่อที่จะใช้เธอนั้นได้โตขึ้นและเรียนหนังสือ 

แต่ว่าด้วยเรื่องความรักเป็นสิ่งที่สวยงามนั้นเธอผู้ที่เป็นหญิงสาวนั้นได้ประกาศแต่งงานตอนที่นั้นอายุ 17 ปีส่วนผู้ชายนั้นอายุ 30 ปี นั่นเอง แต่ว่าการแต่งงานของเธอนั้นเป็นไปด้วยความรักดังนั้นเธอจึงตัดสินใจแต่งงานกับคนที่เธอนั้นรักนั่นเอง  แต่ด้วยความรักเป็นเรื่อง ที่เรานั้นไม่สามารถที่จะบรรยายได้นั่นเองเพราะว่าเธอนั้นได้โตเป็นสาว  ด้วยการที่เธอนั้นโตขึ้นไม่อยากที่จะคิดเพราะว่าการที่เธอโตนั้นทำให้เธอนั้นมีรูปร่างที่ดี  และสวยด้วย  เพราะว่าด้วยเธอนั้นโตเต็มที่นั่นเอง    

         การที่เธอนั้นโตขึ้นแน่นอนว่าเธอนั้นได้โตเป็นสาวแบบว่าเต็มที่แล้วนั่นเองการที่เธอนั้นได้โตเต็มที่แล้ว ความสวยของเธอนั้นเป็นชั่งที่หน้ารักอย่างมากแต่ว่าเธอนั้นได้ตัดสินใจในการแต่งานกับชายหนุ่มที่เธอนั้นหลงรัก  และด้วยการที่เธอนั้นแต่งานนั้นเต็มได้การที่เธอนั้นมีความสุขอย่างมากเพราะว่าเธอนั้นได้อยู่กับคนที่เธอนั้นรัก  การที่เราได้อยู่กับคนที่เรานั้นรักเป็นเรื่องที่เรานั้นสามารถที่จะทำให้ชีวิตของเรานั้นเบ่งบาน  การที่เราได้อยู่ด้วยกันเป็นเรื่องที่ทำให้เรานั้นมีความสุขมากขึ้น  และการที่เราได้อยู่กับคนที่เรารักเป็นเรื่องที่ดีดังนั้น

     เธอคิดว่าความรักของเธอนั้นเป็นเรื่องที่ทำให้เธอนั้นมีความสุขอย่างมากและทำให้เธอนั้นตัดสินไม่ผิดในการที่เธอนั้นรักกับผู้ชายคนนี้  ส่วนผู้ชายนั้นยังมีการรอให้เธอนั้นโตขึ้นและเรียนหนังสือนั่นเอง  การที่เป็นผู้ชายนั้นก็ต้องอดทนในการรอ  จนกว่าฝ่ายหญิงนั้นจะพร้อมและเธอนั้นก็ตัดสินใจในการแต่งงานกันนั่นเอง

  ถือว่าเป็นเรื่องที่หน้าตกใจเพราะว่าแอบรักกันตั้งแต่อายุยังน้อยตั้งแต่อายุ ของฝ่ายหญิงนั้น 12 ปีนั่นเพราะถือว่าเป็นเรื่องที่เรานั้นสามารถที่ใครนั้นจะทำได้นั่นเอง  การที่เรานั้นจะมีรักเดียวเพื่อที่รอคนที่เรารักและต้องสื่อสัตว์อีกด้วย  เพราะว่าอายุนั้นเป็นเรื่องที่ห่างแต่ว่าสองคนนี้ได้เรียนรู้ที่จะดูแลรักกัน 

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  www.ufabet.com ลิ้งเข้าเว็บไซต์คะ

Continue Reading