เมื่อเข้าหน้าฝนเราต้องดูแลตัวเอง

เมื่อเข้าหน้าฝนนั้นเป็นหน้าโปรดของใครหลายๆคนเพราะว่าสามารถที่จะทำให้นอนหลับฝันดีเพราะว่าอากาศที่เย็นและทำให้เวลาที่เราตื่นนอนมานั้นรู้สึกว่าสดชื่นนั่นเอง  ส่วนหน้าฝนนั้นก็เป็นหน้าที่หลายคนนั้นไม่ชอบเพราะว่าการที่เราต้องไปทำงานนั้นต้องเปียกชื้นเสื้อผ้าก็ต้องเปอะ  และการเดินทางนั้นก็ลำบากเพราะว่าเราต้องไปทุระหรือว่าไปทำงานนั้นก็ต้องเปียก หรือไม่นั้นก็ไม่สามารถที่จะขึ้นรถได้เพราะว่าฝนตก 

     เมื่อเข้าหน้าฝนสิ่งที่เราต้องระวัง  คือการที่เราจะไม่สบายเพราะว่าอาการนั้นจะเป็นไข้ได้ง่ายเพราะว่าเรานั้นตากฝนนั่นเองซึ่งอาจจะเป็นหวัดที่ทำให้เราไม่สามารถที่จะไปทำงานได้เพราะว่าเกิดเป็นไข้ในช่วยฤดูฝนนั่นเอง  และสิ่งต่อมานั้นคือโรคไข้เลือดออกเพราะว่าฝนตกนั้นเมื่อที่บริเวณบ้านของเรานั้นเกิดน้ำขังก็จะทำให้เป็นแหล่งเพราะพันธ์ของยุงลาย

และการที่เราถูกยุงกัดนั้นก็สามารถที่จะทำให้เราเป็นไข้เลือดออกนั้นได้เหมือนกัน    และเมื่อบ้านของเรานั้นอยู่กับพื้นดินนั้นก็ต้องระวังสิ่งที่จะเข้าบ้านเมื่อมากับหน้าฝนนั้นอย่างเช่น  แมลงป่อง  ตะขาบ  งู  กิ้งกือ หรือว่าสัตว์อะไรก็แล้วแต่มีทั้งมีพิษและไม่มีพิษที่ทำให้เราเกิดอันตรายได้  ดังนั้นเราต้องดูและตรวจสอบบ้านของเรานั้นให้ดีที่สุด เพราะว่าถ้าเป็นสัตว์ที่มีพิษเข้าบ้านนั้นเราก็ต้องระวังอย่างมากยิ่งถ้าบ้านของเรานั้นมีเด็กด้วยแล้วนั้นก็ต้องระวังให้มากกว่าเก่า 

เพราะว่าอาจจะกัดเด็กได้และอาจจะทำให้เสียชีวิตได้เหมือนกัน  เป็นเรื่องที่เราต้องระวังในหน้าฝน  

            ถ้าเป็นการที่เราต้องไปทำงานนั้นเราก็ควรที่จะหาเสื้อกันฝนหรือว่าร่มนั้นพกติดตัวตลอดเวลาเพราะว่าเมื่อฝนตกนั้นเราก็สามารถที่จะหยิบขึ้นมาใส่ได้ทันเวลา และก็จะไม่ทำให้เรานั้นเป็นผู้ป่วยได้ง่ายเป็นสิ่งที่เราควรที่จะมีติดกระเป๋านั่นเอง   

สิ่งดีๆที่เราไม่ต้องดูแลในช่วงหน้าฝน

เมื่อเข้าหน้าฝนนั้นสิ่งที่เราไม่ต้องดูแลนั่นก็คือการที่เรารดน้ำต้นไม่เพราะว่าเมื่อฝนตกนั้นเราก็ไม่ต้องรถน้ำต้นไม้  หรือว่าแปลงผักนั่นเอง  อีกอย่างนั้นใครที่มีบ่อน้ำที่เราต้องสูบนำเข้าเข้าเอาไว้นั้นก็ไม่ต้องสูบน้ำเพราะว่าฝนตกก็สามารถที่จะทำให้น้ำที่เราต้องสูบนั้นเต็มบ่อน้ำได้ถ้าฝนตกหนักจริงๆ 

ในหน้าฝนนั้นมีทั้งสิ่งที่ดีและไม่ดีนั้นร่วมกันไปอยู่ที่เราต้องรู้จักและดูแลตัวเองด้วยนะ

 

สนับสนุนโดย  แอพคาสิโน ได้เงินจริง

Continue Reading

ประเทศไทยกับสงครามโลกครั้งที่1

   สงครามโลกครั้งที่ 1หรือที่เรียกกันว่ามหาสงครามนั้น โดยมีศูนย์กลางของสงครามอยู่ที่ยุโรป โดยระยะเวลาของสงครามโลกครั้งที่ 1นั้นอยู่ระหว่างเดือน กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๕๗ไปจนถึงเดือน พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๖๑ ซึ่งถือว่าเป็นเวลาที่ค่อนข้างจะยาวนานมาก โดยมีประเทศมหาอำนาจเกือบทุกประเทศของโลก

มีความเกี่ยวข้องกับการเกิดสงครามครั้งนี้ โดยสงครามนั้นจะมีการแบ่งเป็นสองฝ่ายคือ ฝ่ายสัมพันธมิตรและฝ่ายมหาอำนาจกลาง โดยฝ่ายสัมพันธมิตรนั้นมีศูนย์กลางอยู่ที่  ไตรภาคี  คือการรวมตัวกันของสามประเทศ ได้แก่ อังกฤษ ฝรั่งเศสและรัสเซีย โดยฝ่ายมหาอำนาจกลางนั้นมีศูนย์กลางอยู่ที่ ประเทศเยอรมนี ออสเตรียและฮังการี และมีการกระจายตัวเมื่อมีการเข้าร่วมสงครามของชาติต่างๆมากขึ้น 

ซึ่งสาเหตุที่ก่อให้เกิดสงครามนั้น เกิดจาก อาร์ชด ยุกฟรันซ์ แฟร์ดีนันท์ ซึ่งเป็นมงกุฏิราชกุมารแห่งประเทศออสเตรียและฮังการี ได้เกิดเหตุถูกคนร้านรอบยิงจนสิ้นพระชน ซึ่งก่อนหน้านี้นั้นก็เกิดความขัดแย้งกันมาตลอดอยู่แล้ว แต่ในวันนั้นเองสงครามก็มีการเปิดฉากขึ้นอย่างเป็นทางการ เมื่อเหล่าทหารของออสเตรียและฮังการีเปิดฉากบุกไปที่ประเทศเซอร์เบีย ทำให้เกิดเป็นสงครามขึ้น และมีการลุกลามไปยังชาติต่างๆทั่วโลก ซึ่งถือว่าสงครามนี้เป็นสงครามที่ใหญ่ที่เกิดขึ้นในโลกนี้เลยก็ว่าได้

ในช่างที่เกิดสงครามนั้น ไม่ได้เกิดขึ้นและมีผลกระทบเพียงที่ยุโรปเท่านั้นแต่ส่งกระทบไปยังประเทศต่างๆทั่วโลกด้วยและหนึ่งในประเทศที่ได้รับผลกระทบก็คือประเทศไทยนั่นเอง ซึ่งช่วงที่เกิดสงครามโลกครั้งที่1นั้นตรงกับสมัยของรัชกาลที่6 โดยขณะนั้นประเทศไทยยังคงใช้ชื่อว่าสยามประเทศอยู่ และในสงครามนั้นประเทศไทยคงความเป็นกลาง และเมื่อเวลาได้ผ่านไปสามปีและเมื่อวันที่26เดือนกรกฎาคม พ.ศ.2460 นั่งเอง รัชกาลที่6ทรงประกาศว่าจะเข้าร่วมสงครามสงครามและอยู่ในฝ่ายพันธมิตรหรือฝ่ายประเทศอังกฤษ ฝรั่งเศสและรัสเซียนั่นเอง

โดยชาวสยามส่วนใหญ่ที่เป็นข้าราชกาลและประชาชนในยุคนั้นจะสนับสนุนประเทศมหาอำนาจกลางทำให้รัชกาลที่6 ต้องโน้มน้าวประชาชนโดยพระองค์มีความตระหนักว่าหากเข้าร่วมในฝ่ายพันธมิตรนั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้องมากกว่าเข้าร่วมกับฝ่ายมหาอำนาจนั่นเองจะเกิดผลดีกว่าและเป็นประโยชน์แก่ประเทศชาติด้วย 

โดยรัชกาลที่ 6 นั้นพระองค์ทรงมีการแจ้งต่อคณะที่ปรึกษาแล้วว่า สยามนั้นมีโอกาสเสี่ยงต่อการสูญเสียมากกว่าหากดำรงตำแหล่งความเป็นกลาง มีความเป็นไปได้ที่เยอรมนีจะแพ้สงคราม และถ้าหากมีการเข้ายึดทรัพย์สินจากไตรภาคีในสยามแล้วนั้นสยามก็จะไม่สามารถทำอะไรได้ หรือเท่ากับว่าไม่เหลืออะไรเลยนั้นเอง แต่หากเข้ากับฝ่ายสัมพันธมิตรสิทธิสัญญาที่ได้ทำไว้กับเยอรมนีนั้นจะถูกยกเลิกไปโดยปริยายนั่นเอง 

ซึ่งผลจากการเข้าร่วมของการทำสงครามของไทยนั่นก็คือได้มีการชนะสงครามและได้มีการแก้ไขสนธิสัญญาเบาว์ริงนั่นเอง

 

สนับสนุนโดย  บาคาร่าทดลอง

Continue Reading

คุยด้วยกันแบบง่ายๆแต่ชัดเจน หนึ่งในข้อดีการมีแฟนเป็นชาวต่างชาติ

นี่ก็ถือเป็นข้อดีที่ดีอย่างมากอีกข้อหนึ่งของการที่มีแฟนเป็นชาวต่างชาตินั้นเอง บางครั้งคนเราอาจจะไม่ยอมรับความจริงเรื่องนี้ว่า การคบคนชาติเดียวกัน โดยเฉพาะการคบคนไทยนั้นยิ่งกว่าเป็นการพูดคุยที่แย่เสียอีก ความชัดเจนยังไม่ค่อยจะมีเลย คนไทยไม่ได้เป็นกันทุกคนก็จริง แต่ต้องยอมรับหน่อยแหละว่า เป็นพวกขี้แอ็คและก็ไม่ชอบพูดจาอะไรให้เคลียร์กันซะเยอะ

แล้วนั้นก็คือปัญหาของการพูดคุยแบบวัยรุ่นคนไทยสมัยนี้ แต่ก็ไม่อยากเหมารวมนักหรอก เพราะมีคนที่พูดจารู้เรื่องก็เยอะเหมือนกัน แล้วนั้นก็ทำให้เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เป็นข้อดีมากๆเลย กับการคบชาวต่างชาติ เพราะแค่จะสือสารก็ลำบากแล้ว ถ้าจะมานั่งหาวิธีพูดบ่ายเบี่ยงหรือพูดเป็นสำนวนหรือพูดแอ็คๆ ก็เรียกได้ว่าจะทำให้ยากเย็นทำไมนก ก็เพียงพูดคำศัพท์ที่พอได้ออกมาตรงๆ แล้วก็รู้เรื่องกันในทันที

ของดีของการคุยกันง่ายแต่ชัดเจน คือการทำให้เราไม่ต้องมาเสียเวลาที่มากขึ้นสองถึงสามเท่าตัวในการที่จะสื่อสารสิ่งที่ต้องการกัน บางครั้งกว่าจะเข้าใจกันใช้เวลากันหลายวัน รวมถึงเวลาที่พูดไม่เข้าใจกันแล้วทะเลาะกัน ต้องใช้เวลาในการทำให้หายงอลกันอีกนะ เป็นคำถามว่าทำไมต้องเป็นกันแบบนั้นนะ การพูดจากกันอ้อมๆ คำตอบก็คือ การบ่ายเบี่ยงความจริงยังไงล่ะ

ซึ่งคนไทยติดนิสัยนี้มาเพราะคำว่าใจดี อยากจะยืดหยุนกันบ้างก็เลยอ้อมโลกเพื่อให้ได้ความหมายที่ซอฟลงนั้นเอง แต่นั้นก็ทำให้กลายเป็นเรื่องยุ่งยากในบางครั้ง ซึ่งต่างจากการปลูกฝังของชาวต่างชาติที่ทำอะไรเพื่อให้เวลาที่มีค่าที่สุด เพราะฉนั้นจะมานั่งพูดอ้อมๆไม่ได้

แล้วนั้นจะรู้เลยว่ามันทำให้ชีวิตอยู่ง่ายขึ้นเยอะเลย แล้วก็เป็นอะไรที่น่าสนใจมากๆ แต่แรกๆนั้นต้องรู้สึกเลยว่า อึดอัดที่จะได้รับฟังอะไรที่ชัดเจนเกินไป จนอาจทำให้รู้สึกกระอักกระอวนใจ แต่จะค่อยๆชินกันไปเอง

ลองนึกภาพที่บางครั้งที่ได้รับคำถามที่ตอบยากเพื่อจะให้มันซอฟลงแล้วก็รู้สึกไม่รุนแรงเกินไปนั้น อาจจะทำให้ความหมายนั้นเปลี่ยนไป จากเรื่องที่ควรจะซีเรียสกลายเป็นเรื่องที่ซอฟเกินไปจนถูกละเลยก็เป็นได้นะ เพราะฉะนั้นแล้วบางครั้งการพยายามพูดซอฟๆก็ไม่ก่อให้เกิดผลดีสักเท่าไหร่

แล้วยิ่งกว่านั้นการที่พยายามสรรหาคำพูดในภาษาที่ไม่ใช่ภาษาเราอาจจะทำให้เกิดเป็นความเข้าใจที่ผิดไปกันใหญ่ก็ได้ ซึ่งก็น่ากลัวเช่นกันถ้าเกิดกรณีนี้ขึ้น 

 

 

สนับสนุนโดย    sa gaming บาคาร่า

Continue Reading

โจรมีวิธีใหม่

 โจรมีวิธีใหม่ สามารถเอาเงินไปจากธนาคารของคุณได้โดยไม่รู้ตัวจนหมดธนาคาร

ณ ตอนนี้เรื่องเทคโนโลยีมีความก้าวหน้าเป็นอย่างมาก และเมื่อมีความเจริญก้าวหน้ามากขึ้นเลยทำให้มีความสะดวกต่อผู้ใช้มือถือเป็นอย่างมาก สามารถโอนเงินได้ภายในเวลาไม่กี่นาที แต่ถึงแม้จะมีความสะดวกมากแต่ก็เป็นช่องทางที่ดีในการเข้าถึงข้อมูลต่างๆ และก็วางอุบายใหม่ๆไม่ซ้ำกันได้ทุกวัน และวันที่ 1 มกราคม พ. ศ. 2563 

ได้มีข่าวออกมาว่าผู้เสียหายคนหนึ่งถูกโจรแอบเอาเงินทางธนาคารโดยที่ยังไม่ทันตั้งตัวและใช้เวลาในการเอาเงินภายในไม่กี่นาทีก็เสร็จ และคนที่มักจะโดนหลอกมักจะเป็นแม่ค้าขายของทางออนไลน์เพราะเวลาที่โจรจะหลอกเอาเงินแม่ค้าจากธนาคารก็ต้องทำเป็นบอกว่าจะซื่อของจากร้านนั้นให้บอกหมายเลขบัญชีธนาคาร และเมื่อคุณให้หมายเลขธนาคารเรียบร้อยแล้ว ก็เหลือแค่เอาเงินอย่างเดียว

 ถ้าเกิดอยากรู้ว่าพวกเขาจะมาหลอกเอาเงินหรือเปล่า ต้องสังเกตตามนี้

1.พวกโจรจะทำเป็นว่าจะมาซื่อของจากแม้ค้าออนไลน์  จะขอเลขบัตรประชาชนของคุณ เบอร์โทรศัพท์ และข้อมูลส่วนตัวอื่นๆในบัตรประชาชนของผู้ที่ถูกหลอก 

2.และเมื่อแม่ค้าให้เลขบัญชีธนาคารของตัวเองให้โจร และเมื่อได้ไปโจรก็จะเอาไปเปิดบัญชีกระเป๋าอิเล็กทรอนิกส์ หรือที่เรียกว่า ( E Wallet ) เป็นแอปใหม่ที่พึ่งมี และแค่โจรตั้งค่าบัญชี  E Wallet  ให้เชื่อมข้อมูลกับบัญชีธนาคารของแม่ค้า

3.เมื่อแม่ค้าได้รับการแจ้งเตือนผ่านโทรศัพท์ว่า “ คุณต้องการที่จะให้บัญชีธนาคารของคุณเชื่อมต่อกับกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์หรือไม่”และข้อความที่ส่งมาเตือนก็ยาวมากทำให้แม่ค้าขี้เกียจอ่านและคิดว่าไม่น่าจะมีอะไรร้ายแรงเกิดขึ้นก็เลยตอบตกลงไปโดยที่ไม่รู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น

4.และเมื่อแม่ค้ากด “ยอมรับ “ หรือกด “ตกลง” ใน Mobile Banking เมื่อทำอย่างนั้นการเชื่อมระหว่างบัญชี Mobile Banking ของแม่ค้ากับบัญชี E Wallet ของคนร้ายก็จะเสร็จตามที่หวังไว้ และโจรก็เริ่มแผนเอาเงินทันที

และเพราะทำแบบนี้จึงทำให้คนร้ายสามารถเอาเงินออกจากบัญชีของแม่ค้าได้ในทันทีผ่านช่องทาง Mobile Banking ไปยัง บัญชี E  Wallet ของคนร้ายในทันทีโดยใช้เวลาภายในไม่กี่นาที เพราะอย่างนี้จึงอยากจะเตือนให้ทุกคนฟังว่า ให้ระมัดระวัง และอย่าให้ข้อมูลส่วนตัวเลยเด็ดขาด

ถ้าหากมีข้อความแจ้งเตือนขึ้นมาว่า “ คุณต้องการที่จะให้บัญชีธนาคารของคุณเชื่อมต่อกับกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์”  และที่สำคัญถ้าเกิดข้อความที่ส่งมาเกี่ยวกับเงินในบัญชีของคุณละก็ให้อ่านให้หมดก่อน อย่าลืมอ่านข้อความที่แจ้งเตือนให้ละเอียดเพราะการที่คุณแตะหน้าจอแม้แต่ครั้งเดียวก็สามารถที่จะทำให้เงินในบัญชีของคุณทั้งหมดหายไปภายในเวลาไม่กี่นาที

 

 

ได้รับการสนับสนุนโดย    gclub slot ทดลองเล่น

Continue Reading

กิเลสทำลายครอบครัว

มรดกทำให้ครอบครัวแตกสาวสุดช้ำถูกครอบครัวร่วมมือช่วยกันซ้อม

       มีเรื่องราวของผู้หญิงคนหนึ่งได้มีการถูกเปิดเผยผ่าน Facebook ได้มีการลงเรื่องราวเอาไว้เกี่ยวกับพ่อแม่ลูกและพี่ชายซึ่งเป็นคนในสายเลือดเดียวกันรักกันมากเรียกได้ว่าครอบครัวของเธอมีฐานะร่ำรวยเจ้าของ Facebook ชื่อว่าคุณนุชได้ลงเรื่องราวเขียนเล่าเอาไว้ว่าตอนที่พ่อยังมีชีวิตอยู่ครอบครัวของเค้ามีความสุขทุกคนในครอบครัวรักใคร่กันแต่พอพ่อตายความสัมพันธ์ในครอบครัวก็มีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่แย่ลง

โดยเฉพาะเรื่องของพินัยกรรมที่คุณพ่อทำไว้ซึ่งมีการบันทึกข้อมูลเอาไว้ว่ามรดกส่วนหนึ่งจะทำการยกให้กับคุณแม่แต่มรดกอีกส่วนถูกแบ่งออกมาให้กับคุณนุชซึ่งเป็นที่ดินประมาณ 100 ไร่ซึ่งใน Facebook ของคุณนุชได้ระบุเอาไว้ว่าตั้งแต่พ่อได้ตายจากไปแม่กับพี่ชายก็มีนิสัยแตกต่างออกไปโดยคุณนุชเขียนเอาไว้เหมือนกับว่าแม่และพี่ชายต้องการมรดกในส่วนของคุณนุช

โดยเธอยังเล่าอีกว่ามีอยู่ครั้งหนึ่งที่แม่กับพี่ชายของเธอพากันมารุมทำร้ายเธอด้วยการปิดประตูแล้วช่วยกันตบตีเธอโดยเธอได้เล่ารายละเอียดของเหตุการณ์ในวันนั้นว่า แม่ได้โทรมาตามเธอให้ไปหาได้บอกให้เธอนำของเก่าของพ่อเอาไปให้ที่บ้านเมื่อเธอไปถึงที่บ้านของแม่ได้สักพักพี่ชายของเธอก็มาถึงและพี่ชายของเธอยังนำชายฉกรรจ์ประมาณสี่คนเดินตามเข้ามาด้วยหลังจากนั้นพี่ชายของเธอก็ปิดประตูห้องแล้ว

แม่ของเธอก็เริ่มปากต่อว่าเธอเกี่ยวกับเรื่องทีเธอนำมรดกของพ่อออกไปขายแม่บังคับให้เธอกับเท้าขอโทษพี่ชายและทั้งแม่และพี่ชายก็รุมทำร้ายเธอแต่ในที่สุดเธอก็หนีออกมาได้แต่หลังจากนั้นแม่และพี่ชายก็ได้แจ้งความจับเธอ สำหรับนายคนมาอ่านเฟสของเธอก็สงสัยว่าทำไมเธอขายที่ดิน 100 ได้แค่เพียงหนึ่งล้านบาทเท่านั้นซึ่งเธอได้ให้เหตุผลว่าเธอขายให้กับญาติของเธอเอง

เพราะต้องการตัดปัญหาเกี่ยวกับเรื่องที่พี่ชายต้องการมรดกในส่วนของเธอแต่กลับเป็นว่าถึงแม้เธอจะขายที่ดินไปแล้วพี่ชายของเธอก็ยังต้องการเงินในส่วนของการขายที่ดินไปซึ่งเธอได้มีคลิปเหตุการณ์ตอนนี้พี่ชายกำลังทำร้ายเธอออกมาแสดงให้ดูด้วยรวมถึงสามีของเธอก็ได้มีการโชว์บาดแผลจากเหตุการณ์ที่เข้าไปช่วยเธอหลังจากที่รู้ว่าเธอโดนทำร้าย

ซึ่งเธอเปิดเผยเรื่องนี้ก็เพราะว่าอยากให้ทุกคนรู้ว่ามรดกสามารถทำลายครอบครัวได้เรื่องนี้คงต้องรอให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนหาหลักฐานกันต่อไปว่าใครเป็นฝ่ายผิดกันแน่ระหว่างเธอแม่และพี่ชายของเธอ        

 

ขอบคุณผู้ให้การสนับสนุนโดย  gclub online ผ่านเว็บ

Continue Reading

หลักการใช้ห้องน้ำสาธารณะ

   เชื่อว่าทุกคนต้องเคยสักครั้งที่จะต้องมีเหตุให้ได้เข้าห้องน้ำสาธารณะ ซึ่งอย่างที่เรารู้กันดีว่าห้องน้ำสาธารณะนั้นนอกจากจะไม่ค่อยสะอาดแล้ว ยังมีกลิ่นเหม็นอย่างรุนแรงเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของเชื้อโรคเลยก็ว่าได้ ดังนั้นวันนี้เราจึงจะมาแนะนำเกี่ยวกับการใช้งานห้องน้ำสาธารณะเพื่อช่วยให้เราปลอดภัยจากเชื้อโรค

  1. โดยปกติคนมักจะคิดว่าห้องน้ำห้องแรกคนจะใช้งานกันมาก ดังนั้นส่วนใหญ่คนจะเดินไปทางด้านในของห้องน้ำทำให้ห้องน้ำห้องแรกไม่ค่อยมีคนใช้งานงานดังนั้น ห้องน้ำห้องแรกจึงสะอาดที่สุดเพราะมีคนใช้งานน้อยที่สุด
  2. เราควรเตรียมกระดาษเปียกติดตัวตลอดเพื่อเวลาที่เข้าห้องน้ำสาธารณะก่อนนั่งชักโครกควรจะเช็ดทำความสะอาดฝาที่นั่งให้สะอาดก่อนที่จะนั่งเพราะห้องน้ำสาธารณะมีคนเข้ามากมาย เราไม่สามารถรูได้ว่าคนที่เข้าก่อนหน้าเรานั้นเป็นโรคผิวหนังอะไรหรือไม่ดังนั้นควรทำความสะอาดที่นั่งก่อนเป็นวิธีที่ดีที่สุด
  3. ควรมีการราดน้ำหรือกดชักโครกก่อนใช้งานก่อนหนึ่งครั้ง เพื่อความทำความสะอาดชักโครก เผื่อว่าคนที่เข้าใช้งานห้องน้ำก่อนหน้าเราจะไม่ได้กดน้ำหรืออาจจะกดแล้วยังทำความสะอาดไม่หมด และที่สำคัญเผื่อมีตัวอะไรเลื้อยมาตามท่อชักโครกจะได้เป็นการกดไล่สัตว์เหล่านั้นออกไปด้วย
  4. หากจะเข้าห้องน้ำแล้วมีของที่ถือมาด้วย อยากวางกับพื้นเด็ดขาดเพราะพื้นห้องน้ำสาธารณะเป็นศูนย์รวมของเชื้อโรคนานา นับประการ ดังนั้นให้พยายามหาที่แขวนจะดีที่สุด 
  5. การกดปุ่มชักโครกก็มีเชื้อโรคเยอะเช่นกัน ดังนั้นทางที่ดีในการกดปุ่มชักโครกเราควรเอากระดาษทิชชู่หรือกระดาษเปียกว่าไว้ที่ปุ่มกดก่อนที่จะใช้มือกดลงไป เพื่อป้องกันเชื้อโรคติดมากับมือ
  6. เมื่อต้องทิ้งขยะที่เราทำธุระในห้องน้ำ ให้เราใช้เท้ากดตรงปุ่มกดของถึงขยะ อย่าใช้มือสัมผัสกับฝาถังขยะโดยตรงเพราะตรงจุดนี้เป็นแหล่งเพาะพันธ์ของเชื้อโรคอีกจุดหนึ่งเลยทีเดียว
  7. เมื่อทำธุระเสร็จแล้วทุกครั้งควรล้างมือให้สะอาด และถ้าที่ห้องน้ำมีสบู่ก็ให้ใช้สบู่ถูมือด้วยเพราะจะเป็นการฆ่าเชื้อโรคที่อาจติดตากับมือของเราได้
  8. ควรเช็คมือให้แห้ง หากในห้องน้ำมีผ้าให้เช็ดมือกับกระดาษทิชชู่ให้เลือกระดาษทิชชู่เพราะผ้าเช็ดมือผ่านการเช็ดมือมาหลายคน ผ้ามีความชื้นซึ่งเป็นที่สะสมของเชื้อราได้ ดังนั้นการใช้กระดาษทิชชู่เช็ดมือให้แห้งคือวิธีที่ปลอดภัยที่สุด 

 

สนับสนุนโดย  บาคาร่าออนไลน์ ได้เงินจริง

Continue Reading

เกาะกระแส “พีท คนเลือดบวก”

           พูดได้เลยว่าตอนนี้ไม่มีใครที่ไม่รู้จัก พีท คนเลือดบวก คนที่ออกมาบอกกับสังคมว่าเค้าก็เป็นหนึ่งในบุคคลที่ติดเชื้อเอชไอวี ซึ่งล่าสุดที่เป็นกระแสดังในโลกโซเชียล นั่นเกิดมาจากที่พีทได้ออกมาโพสต์เชิญชวนให้คนเข้าร่วมเรียนคอร์สที่เค้าเปิดสอนว่า มีเซ็กส์สดยังไงให้ปลอดภัยจากเชื้อเอชไอวี โดยค่าเข้าเรียนตกคนละ 500 บาท

ซึ่งโพสต์นี้ได้มีพยาบาลสาวที่ไม่เห็นด้วยได้ออกมาแชร์โพสต์ดังกล่าวและเกิดการวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างรุนแรงว่า ถ้าหากคุณพีทมีเพศสัมพันธ์แบบไม่ป้องกันแล้วปลอดภัยจริง ตัวคุณพีทเองก็คงไม่ติดเชื้อหรอก คิดได้ยังไงถึงจะไปสอนคนอื่น หลังจากคุณพีทได้เห็นข้อความดังกล่าวก็เกิดการปะทะคารมผ่านทางตัวหนังสือกันขึ้นจนถึงขั้นต้องไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันกันไว้ที่โรงพัก 

            คุณพิทคนที่เป็นข่าวดังอยู่ตอนนี้ ได้ออกมาเปิดเผยว่าตัวเค้าเองติดเชื้อเอชไอวีมาทั้งหมด 4 ปี และหลังจาก 3 ปี ที่เขาได้รับยาต้านไวรัส ผลการตรวจเลือดของเค้าออกมามีค่าต่ำกว่า 40 เค้าเชื่อตามทฤษฐี U= U ว่า คนเลือดบวกแบบเค้า เวลามีเพศสัมพันธ์กับคู่นอนโดยไม่ได้ใส่ถุงยาง ก็ไม่สามารถส่งเลือดบวกหรือแพร่เชื้อเอชไอวีให้กับคู่นอนของเค้าได้

  ซึ่งตอนนี้ที่เค้าได้มาเปิดเผยชีวิตตัวเองผ่าน Facebook ก็เพื่อที่จะได้สอนให้คนรู้จักกับโรคนี้มากขึ้น รวมถึงแนะนำการใช้ชีวิตในสังคม  วิธีป้องกันตัวเอง หรือแม้กระทั่งขั้นตอนการไปรักษา การรับยาต้านไวรัสจากทางโรงพยาบาล ซึ่งความคิดที่จะมาเปิดคอร์สสอนนั่นก็เพื่อให้คนที่เป็นโรคเอดส์และมีรสนิยมทางเพศแบบเค้าคือการไม่ชอบใช้ถุงยางได้เข้ามาเรียนก็เท่านั้นเอง

          โดยส่วนตัวคิดว่าสิ่งที่คุณพีทพูดถึงทฤษฎี U=U นั้นมันใช้ได้เฉพาะผู้ที่ติดเชื้อเอชไอวี ที่ได้รับยาต้านไวรัสมาอย่างน้อย 6 เดือนถึง 1 ปี ซึ่งเขาต้องดูแลตัวเองอย่างดี กินยาให้ตรงเวลาต่อเนื่องตลอด และผลตรวจเลือดต้องมีค่าต่ำกว่า40 เค้าถึงไม่ไปแพร่เชื้อโรคให้กับคนอื่นนั้นมันก็ถูกต้อง  แต่นั่นมันก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องออกมาบอกว่ามาพูดเชิญชวนว่า ผู้ป่วยที่เป็นโรคเเอดส์หรือติดเชื้อเอชไอวี และได้รับยาต้านไวรัสทุกคนสามารถมีเพศสัมพันธ์กับใครก็ได้โดยไม่ใช้ถุงยางอนามัย

          เรายังยืนยันที่จะเชื่อในสิ่งที่คุณหมอและตำราเรียนสอนเรื่องการใช้ถุงยางอนามัยว่า ถ้าเราไม่มั่นใจในคู่นอนของเรา เวลาจะมีเพศสัมพันธ์กับใครเราควรใส่ถุงยางอนามัยทุกครั้ง เพราะถุงยางอนามัยไม่ใช่แค่ช่วยเรื่องป้องกันโรคเอดส์อย่างเดียว มันยังช่วยป้องกันโรคที่เกิดจากการมีเพศสัมพันธ์ได้อีกหลายโรค รวมถึงการป้องกันการตั้งครรภ์แบบไม่พึงประสงค์ในผู้หญิงเราอีกด้วย

 

 

สนับสนุนโดย  sagame

Continue Reading

อยากเป็นคนใจเย็นต้องทำอย่างไร

     บางครั้งที่เรารู้สึกไม่พอใจใคร หรือหงุดหงิดกับเรื่องอะไรซักอย่าง จนเผลอแสดงอาการก้าวร้าว เหวี่ยงวีน ใส่อารมณ์กับคนรอบข้างทั้งที่เราก็ไม่ได้ตั้งใจ นานๆครั้งเป็นทีก็คงไม่เท่าไหร่ แต่ถ้าเป็นบ่อยๆเข้าเพื่อนหรือคนใกล้ตัวก็คงจะไม่มีใครกล้าเข้ามาคุยด้วย เพราะว่าพวกเค้าคงเดาอารมณ์ที่ขึ้นๆลงๆของเราไม่ได้

ดังนั้นถ้าไม่อยากเป็นคนที่ไม่มีเพื่อน  เราจะต้องหัดควบคุมตัวเองให้เป็นคนใจเย็นไม่ปรี๊ดแตกกับอะไรง่ายๆ  มาลองดูเทคนิคที่แนะนำให้คุณเอาไปใช้เพื่อช่วยให้อารมณ์หงุดหงิดนั้นลดลง

      ตั้งสติ   : ก่อนที่จะเริ่มพูดคุยหรือมองหน้าใคร เราจะต้องตั้งสติหยุดคิดสักนิดก่อน ว่าเราไม่ควรแสดงความรู้สึกที่ไม่ดีใส่คนอื่น  เพราะบางทีพวกเขาก็ไม่ใช่คนทำให้เราอารมณ์เสีย การเผลอส่งสายตาแรงๆ ทำหน้าเหวี่ยงวีน ใส่คนอื่นที่เค้าไม่รู้เรื่องด้วย เป็นการแสดงออกที่ไม่ดี  คนที่เห็นอาจรู้สึกไม่ชอบใจ

      ตั้งกระจกไว้ที่โต๊ะทำงาน  :   หากเราทำงานที่ต้องพบปะพูดคุยสื่อสารกับผู้อื่น ให้เราส่องดูหน้าตัวเองที่กระจกบ่อยๆ  เพื่อจะดูว่าเรากำลังแสดงสีหน้าแบบไหน ถ้าหน้าบึ้งตึงอยู่ ก็เปลี่ยนสีหน้าให้ยิ้มแย้มก่อนที่สื่อสารอะไรกับคนอื่นออกไป

     อย่ารีบร้อน ให้นับ 1-10    :  ขณะที่เรารู้สึกโมโหหรือหงุดหงิด หัวใจของเราจะเต้นแรง ส่วนสมองของเราก็จะคิดแต่เรื่องแย่ๆออกมามากมาย ดังนั้นก่อนที่จะหันไปตอบโต้และเผลอไปใช้คำพูดรุนแรงกับคนอื่น ให้เราเริ่มตั้งสตินับ 1 ถึง 10 เพื่อเป็นการสงบจิตใจ ถ้านับรอบแรกไปแล้วก็ยังไม่หาย ให้เริ่มนับต่อเรื่อยไปจนกว่าใจจะเย็นลง

     รีบแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ     :   จงหาสาเหตุว่าปัญหาอะไรที่ทำให้เรารู้สึกหงุดหงิดอารมณ์เสีย เพราะตราบใดที่ปัญหานั้นยังไม่ถูกแก้ไข เราก็จะคิดวนเวียนไม่เลิกและก็จะรู้สึกหงุดหงิดอยู่แบบนี้  ดังนั้นจะต้องรีบหาสาเหตุและแก้ไขปัญหาให้ตรงจุด เพื่อที่จะเป็นการกู้ให้เรากลับมามีอารมณ์ดีเป็นปกติโดยเร็ว 

      หาวิธีระบายอารมณ์     :   แทนที่เราจะไปอารมณ์เสียแสดงอาการไม่ดีใส่คนอื่น ให้ลองเปลี่ยนมาใช้วิธีระบายอารมณ์แบบที่ไม่ทำให้ตัวเองและผู้อื่นเดือดร้อน เช่น เขียนระบายอารมณ์ความรู้สึกลงในสมุดไดอารี่ , ตะโกนร้องเพลงออกมาดังๆในห้องน้ำ   , เปิดเพลงให้มันๆ แล้วเต้นตามแรงๆ , หาเกมส์ที่มันท้าทายมาเล่น เพื่อเป็นการผ่อนคลายและระบายความเครียดให้น้อยลง

  สุดท้ายให้จำไว้ว่า แม้ว่าคุณจะรู้สึกหงุดหงิด โมโห หรืออารมณ์เสียอะไรก็ตาม คุณไม่มีสิทธิ์ที่จะไปแสดงอาการไม่ดีใส่คนอื่น เพราะถ้าพวกเขาเหล่านั้นแสดงอาการที่ไม่ดีใส่คุณ คุณก็จะรู้สึกไม่ชอบใจเช่นกัน !! 

 

ได้รับการสนับสนุนโดย    ทางเข้า ufabet มือ ถือ

Continue Reading

แรงไม่หยุด ฉุดไม่อยู่กับ #มี่โป๊ะแตก

       กำลังเป็นข่าวล่ามาแรงในโลกโซเชียวเป็นอย่างมากเพราะมีข่าวให้ติดตามมาหลายวันติดต่อกันแล้วกับ  #มี่โป๊ะแตก ซึ่งฉายา#มี่โป๊ะแตก นี้มากจากที่คุณ มี ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในนามเจ้าของเพจ ก๋วยจั๊บ Everyday ซึ่งได้มีดราม่าเกี่ยวกับชีวิตรักมาหลายวันแล้ว เริ่มจากที่ก่อนหน้านี้มีคนออกมาบอกว่า คุณมีที่เคยโด่งดังมากจากการออกรายการวิทยุรายการหนึ่งที่ชื่อว่า พุธทอร์กพุธโทร

โดยความดังเริ่มมาจากเธอมาเล่าประสบการณ์ความรักกับแฟนว่าผู้ชายจะพามากินก๋วยจั๊บทุกครั้งที่เจอกันซึ่งหลายคนที่ได้ฟังเรื่องราวความรักของเธอแล้วรู้สึกว่ามันน่ารักมาก จนเธอไปเปิดเพจ ก๋วยจั๊บ Everyday ซึ่งมีคนติดตามเพจนี้กันมากมาย แต่ต่อมามีคนออกมาแฉเธอว่าที่จริงแล้วผู้ชายคนที่เธอคบด้วยและไปกิน ก๋วยจั๊บ ด้วยกันทุกวันนั้นมีลูกมีเมียอยู่แล้ว

และเธอเป็นคนที่เข้ามาทีหลัง ที่สำคัญเธอเองก็รู้ดีด้วยว่าผู้ชายมีครอบครัวแล้วแต่เธอก็ไม่สนใจ ยังนำเรื่องราวความรักของตัวเองมาเล่าออกอากาศให้คนอื่นฟัง โดยภรรยาตัวจริงไม่ได้ออกมาเรียกร้องอะไร เพราะไม่อยากมีปัญหา ซึ่งเมื่อมีคนมาโพสต์แฉแบบนี้เธอจึงไม่ยอม ทำการโพสต์ภาพใบทะเบียนสมรสขึ้นมาแสดงให้ชาวโซเชียวดูว่า เธอไม่ได้แย่งสามีของใคร และเธอเป็นภรรยาตัวจริงของฝ่ายชาย

หลังจากที่ทะเบียนสมรสออกมา ก็มีคนออกมาแฉเธออีกรอบ ด้วยการบอกว่า ฝ่ายชายอยู่กินและมีลูกกับภรรยาของเขาอยู่ก่อนแล้วเพียงแต่เขาไม่ได้จดทะเบียนกันเพราะฝ่ายหญิงให้ว่าการจดทะเบียนสมรสก็เป็นเพียงแค่กระดาษแผ่นเดียวเท่านั้น และคนที่ออกมาแฉยังโพสต์ภาพใบหย่าของคุณมี่ขึ้นมาแสดงให้คนในโซเชียวดูด้วยว่า เธอจดทะเบียนสมรสได้แค่เดือนเดียวก็หย่า ซึ่งตอนนี้สถานะของเธอไม่ได้จดทะเบียนกับผู้ชายนานแล้ว

ซึ่งเมื่อมีเหตุการณ์นี้ดังขึ้นมาก็มีการจับโป๊ะคุณมี่อีกรอบ ด้วยการนำคลิปเสียงที่เธอมาออกรายการ ว่า พุธทอร์กพุธโทร อีกรอบเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2562 โดยมีตอนหนึ่งที่พิธีกรให้เธอพูดฝากอะไรถึงแฟนของเธอ ซึ่งเธอก็พูดประมาณว่า ฝ่ายชายยังได้มาขอและเธอกำลังรออยู่ และยังบอกด้วยว่าหากฝ่ายชายมาขอเธอพร้อมจะกินก๋วยจั๊บไปตลอดชีวิต

ซึ่งก็คนเอาคำพูดเธอมาเทียบใบทะเบียนสมรสว่าก็แต่งงานตั้งแต่ปี 2561 แล้วจะยังมาบอกว่าปี 2562 ยังไม่ได้แต่ได้ยังไง คงต้องรอดูกันต่อไปว่ารอบนี้เธอจะออกมาแก้ตัวว่ายังไง

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  เว็บบาคาร่า sa ขั้นต่ำ 5 บาท

Continue Reading

การอวดรวยกันในสังคม

ในสังคมนั้นเราต้องอยู่ร่วมกับคนหมู่มากท นอกจากการวางตัวที่ดีแล้วยังต้องห่วงเรื่องมารยาทและคำพูดและอะไรอีกหลายๆอย่างซึ่งในทุก ๆสังคมไม่ว่าจะวัยทำงานหรือวัยเรียนนั้นการวางตัวเป็นสิ่งที่สำคัญมากในการใช้ชีวิตในสังคมเพราะเราไปเจอผู้คนมากหน้าหลายตาหลายนิสัยหลายบุคลิกภาพ ซึ่งในบางทีเราอาจจะเจอคนที่ชอบอวดชอบเหยียดทำไห้เราถูกทำไห้มองดูต่ำดูแย่ในสายตาของคนอื่น ๆ

เพราะคำพูดของคนพวกนี้ทำไห้เราดูต้อยต่ำไร้ค่าเพียงเพราะคำพูดของคน ๆเดียวซึ่งมีกรณีอย่างหนึ่งที่ใกล้เคียงหรืออยู่ในหัวข้อเดียวกันในการเหยียดนั่นก็คือการใช้คำพูดกระแทกแดกดันคนอื่นซึ่งการกระทำแบบนี้ก็จะเห็นได้ชัดเจนกับพวกที่ชอบอวดรวยแบ่งพรรคแบ่งพวกแบ่งฝักแบ่งฝ่าย ทำตัวเป็นกลุ่มใหญ่ใครมาขอคำปรึกษาก็มักจะทำหน้าทำตาพร้อมเหยียดเราเสมอ ซึ่งเรามักจะเห็นได้บ่อยครั้งสำหรับคนที่อยู่กันหลายๆกลุ่มว่าจะมีคนประเภทนี้อยู่ เช่นสังคมทำงานนั้นก็จะมีพวกที่ประจบประแจง และแบ่งพรรคพวกเป็นของตนเองว่าใครรวยกว่าดูดีกว่ากันในสังคมทำงาน

ซึ่งถ้าเราไม่มีอย่างเขา เราก็อาจจะเป็นขี้ปากของคนพวกนี้ได้ ซี่งสังคมการทำงานจะเห็นได้ชัดมากที่สุดส่วนในสังคมโรงเรียนนั้นก็มักจะมีกลุ่มนักเรียนกลุ่มหนึ่งมักทำตัวรวย เชิดใส่คนที่มาคุยด้วย พอคุยเรื่องนี้ไม่ถูกใจหรือเรื่องเกี่ยวกับทรัพย์สินเงินทองนั้นเด็กกลุ่มนี้ก็จะทำหน้าแบบเบื่อโลกทันทีเหมือนไม่อยากคุยด้วย ซึ่งในกรณีแบบนี้จะเห็นได้ชัดเลยทีเดียวว่าสังคมในโรงเรียนการเหยียดกันเรื่องฐานะนั้น

ก็มีนะเพราะว่าในโรงเรียนจะมีเพื่อนทั้งยากจนและมีถึงระดับรวยมาก ในวัยเรียนก็มักจะซื้อของมาอวดกันอยู่แล้ว ถ้าใครมีของแพงมากหรือสวยหรือเสมอกันเขาก็จะไปอยู่ด้วยกันซึ่งมันแปลกแต่มันคือเรื่องจริงมากเลยทีเดียว เพราะสังคมในโรงเรียนกับการอวดรวยแบบนี้มันทำได้ง่ายมากเพราะการหาเพื่อนที่เข้ากันได้ว่าง่ายแล้ว มองหาคนที่รวยเหมือนกันคงไม่ยากอะไรสำหรับพวกเขา เพราะคนพวกนี้มักจะมีนิสัยที่ชอบทำตัวเด่น ชอบทำไห้ตัวเองดูดีในสายตาของคนอื่นอยู่เสมอ ซึ่งมันก็ไม่ได้ดูดีหรือสวยงามอะไรสำหรับคนมอง 

การเหยียดนั้นเป็นสิ่งที่ไม่สมควรนำมาเป็นตัวอย่างอย่างมากเพราะว่าอาจทำไห้คนมองว่าเรานิสัยไม่ดีแล้วนั้น เรายังจะเป็นตัวประลาดในสังคมหมู่มากอีกด้วย ซึ่งมันไม่ดีเลยจริง ๆเพราะเราก็คนเหมือนกันอยู่ในสังคมเดียวกัน

 

ขอบคุณผู้ให้การสนับสนุนโดย   เซ็กซี่ บาคาร่า ทดลอง

Continue Reading