ข่าวเด็กนักเรียนชั้น ม. 1 ยิงเพื่อนตายเพราะถูกล้อเป็นตุ๊ด

สืบเนื่องมาจากก่อนหน้านี้ที่มีข่าวเด็กนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ในจังหวัดนนทบุรีก่อเหตุนำปืนพ่อมายิ่งเพื่อนในห้องเรียนเดียวกันจนเสียชีวิตหนึ่งคน

โดยเด็กนักเรียนที่ก่อเหตุได้ให้เหตุผลที่ยิงเพื่อนว่า ผู้ตาย ชอบทำร้ายตนเองและชอบล้อว่าเป็นตุ๊ด ทำให้ตนเองมีความโกรธแค้นจึงขโมยปืนพ่อมายิงคนตาย

วันนี้นักข่าวได้สัมภาษณ์พ่อกับแม่ของเด็กนักเรียนที่ก่อเหตุ

โดยคุณพ่อบอกว่า ลูกชายเคยมาเล่าให้ฟังเหมือนกันว่าเพื่อนคนที่เสียชีวิต มักจะแกล้งตบหัวและล้อว่าเป็นตุ๊ดอยู่เป็นประจำ แต่พ่อก็แนะนำให้ลูกไปฟ้องคุณครู ให้คุณครูที่โรงเรียนช่วยจัดการให้ ส่วนปืนที่ลูกขโมยไปก่อเหตุนั้นเป็นปืนของพ่อเองที่ซื้อมาอย่างถูกกฎหมาย และมีการเก็บปืนไว้ในที่มิดชิดแล้ว แต่ไม่รู้ว่าลูกชายรู้ที่ซ่อนปืนได้อย่างไร 

ส่วนเด็กนักเรียนที่ก่อเหตุตอนนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังทำการสอบสวนหาสาเหตุของการกระทำความผิดในครั้งนี้และจะมีการส่งตัวไปที่สถานพินิจภายใน 24 ชั่วโมง

        ด้านทางแม่ของผู้ตายก็เตรียมมารับศพลูกชายไปบำเพ็ญกุศล และได้ให้สัมภาษณ์กับนักข่าวว่าตนเองไม่เชื่อว่าลูกชายของตนจะรังแกเพื่อน เพราะที่ผ่านมาลูกชายของตนเป็นคนดี ไม่เคยล้อใครว่าเป็นตุ๊ดแน่นอน และที่สำคัญไม่เคยทำร้ายใครด้วย

ซึ้งคุณแม่ของเด็กนักเรียนที่เสียชีวิตรู้สึกไม่พอใจพ่อของเด็กนักเรียนที่ก่อเหตุยิงเพื่อนตายออกมาให้ข่าวเหมือนกับว่าคนตายเป็นเด็กไม่ดี เป็นเด็กเกเร แถมตั้งแต่เกิดเรื่องพ่อของเด็กนักเรียนที่ก่อเหตุก็ไม่เคยจะเข้ามาขอโทษเลย พร้อมฝากนักข่าวไปถึงพ่อเด็กนักเรียนที่ก่อเหตุด้วยว่า หยุดให้ข่าวใส่ร้ายลูกของตนได้แล้ว เพราะทุกคนไม่มีใครรู้สาเหตุที่แท้จริง มีเพียงคนที่ยิงกับคนที่ตายเท่านั้นที่รู้ความจริง และตอนนี้คนตายก็พูดไม่ได้แล้ว

         เมื่อมีการสอบถามกับคุณครูและเพื่อนๆในห้องเรียน ทุกคนต่างพูดเหมือนกันว่าไม่ทราบสาเหตุในการก่อเหตุครั้งนี้จริงๆ เพราะที่ผ่านมาเด็กทั้งสองคนเป็นเพื่อนรักที่สนิทกัน ไม่เคยได้ยินว่ามีการทะเลาะกันว่าตุ๊ด หรือไม่เคยเห็นว่ามีเรื่องโกรธอะไรกันมาก่อนเลย เรื่องที่มีการลือกันที่ค่ายลูกเสือก็ไม่มีมูลความจริง โดยครูยืนยันว่ามีการดูแลความเรียบร้อยตลอด ไม่มีความผิดปกติอะไรแน่นอน ที่สำคัญทั้งคู่ก็ไม่ได้เป็นตุ๊ดหรือเกย์ด้วย

      อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงต้องค้นหาสาเหตุกันต่อไปว่าเกิดจากอะไร 

 

ขอบคุณที่มาของบทความเหล่านี้จากเว็บ แทงบอลออนไลน์ ฝากขั้นต่ำ 100

Continue Reading

คลิปอาจารย์ ตบหัวเด็ก

 

กำลังเป็นข่าวโด่งดังอยู่ตอนนี้สำหรับคลิปที่กำลังเผยแพร่

ซึ่งเป็นการแอบถ่ายในโรงเรียนของเด็กนักเรียนหญิงคนหนึ่งโดยในคลิปจะเห็นว่าน้องเด็กผู้หญิงเดินไปซื้อของที่ร้านสหกรณ์ของโรงเรียนแล้วอาจารย์ที่สอนเจอจึงเรียกน้องผู้หญิง แต่เด็กหญิงอาจจะไม่ได้ยินจึงไม่ได้มีการขานตอบรับซึ่งหลังจากนั้น น้องเด็กผู้หญิงและอาจารย์คนดังกล่าวก็เข้าห้องเรียนหลังจากเข้ามาในห้องแล้วอาจารย์คนดังกล่าวก็เรียกน้องผู้หญิงว่ามึงแล้วเรียกให้เข้าไปหา

แต่เมื่อเด็กผู้หญิงคนดังกล่าวเดินไปใกล้อาจารย์ก็ถูกอาจารย์คนดังกล่าวเอามือตบไปที่หลัง ของเด็กผู้หญิงและมีการพูดจาหยาบคาย อีกทั้งยังบอกด้วยว่า มากกว่านี้ก็มีคนเคยเจอมาแล้ว ซึ่งเมื่อคลิปนี้ถูกเผยแพร่ออกมาจึงเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ถึงการกระทำของอาจารย์ท่านนี้เป็นจำนวนมาก เพราะใช้คำหยาบคายกับเด็กนักเรียน และทำรุนแรงด้วยการตบเด็กนักเรียน ซึ่งฟังจากในคลิปจะทราบได้ว่าพฤติกรรมแบบนี้อาจารย์ท่านนี้ได้ทำมานานแล้วและทำบ่อยด้วย

เมื่อชาวโซเชียวได้เห็นคลิปบางคนที่เคยเรียนที่นี่และเรียนจบไปแล้วก็ออกมาเล่าประสบการณ์ที่ตัวเองเคยโดยกระทำมา พร้อมทั้งยืนยันว่าเป็นครูคนเดียวกัน เคยพาผู้ปกครองไปเอาเรื่องที่โรงเรียน แต่อาจารย์ท่านนี้ก็ไม่ยอมออกมาสู้หน้า ได้แต่ให้อาจารย์เป็นคนรับหน้าแทน 

 

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ คลิปอาจารย์ ตบหัวเด็ก

สำหรับพฤติกรรมการใช้ความรุนแรงระหว่างอาจารย์และเด็กนักเรียนเป็นปัญหาที่พบบ่อยมาก

และบางครั้งก็เป็นข่าวดังครึกโครม ซึ่งบางข่าวที่ออกมาเป็นการกระทำของอาจารย์ที่เป็นผู้หญิงก็มีและผู้ถูกกระทำบางครั้งก็เป็นเด็กนักเรียนชั้นอนุบาลก็มีพฤติกรรมการใช้ความรุนแรงกับเด็กในโรงเรียนนั้น อันที่จริงไม่ควรเกิดขึ้นเพราะตอนนี้กระทรวงการศึกษาได้มีการออกกฎมาไม่ให้ทำโทษด้วยการตีด้วยซ้ำแต่ทำไม่ยังมีข่าวการตบ ตี เด็กนักเรียนจนตัวเขียว ตัวเป็นรอยมาให้ได้กันแทบจะทุกเดือน

การที่ผู้ปกครองส่งบุตรหลานอันเป็นที่รักของเขาไปให้อาจารย์ที่โรงเรียนดูแล นั่นเท่ากับว่าผู้ปกครองเหล่านั้น ไว้ใจในตัวอาจารย์ ไว้ใจในโรงเรียน  แต่เมื่อต้องมาพบกับการกระทำแบบนี้ทำให้ผู้ปกครองหลายท่านมีมุมมองกับทางโรงเรียนและทางกลุ่มครูอาจารย์เป็นลบ ทั้งที่อาจารย์อีกหลายท่านก็เป็นคนดี รักศิษย์ของตัวเอง 

          ถึงเวลาที่กระทรวงการศึกษาควรจริงจังกับการรับคนที่จะมาเป็นครูอาจารย์ให้เข็มงวดมากกว่านี้สักที เข้าใจว่าปัจจุบันครูและอาจารย์มีน้อยไม่เพียงพอต่อความต้องการของเด็กแต่ทางกระทรวงก็ควรหาแนวทางแก้ไขและป้องกัน ส่วนหนึ่งที่ครูขาดแคลนเพราะเงินเดือนน้อย ควรมีการปรับเปลี่ยนฐานเงินเดือนครูให้มากขึ้น แต่การที่จะสอบบรรจุเป็นครูก็ควรจะยากขึ้น ควรมีนักจิตวิทยามาสอบสัมภาษณ์เพื่อให้มั่นใจว่าบุคคลที่จะมาเป็นครูมีความรักเด็ก  เพื่ออนาคตที่ดีของเด็ก

Continue Reading

“ เปิดปม คดียิงกันในศาลจังหวัดจันทบุรี “

    ต่อมาปี พ.ศ.2550 นายบุญช่วย เจริญสถาพร 

ซึ่งเป็นน้องชายของพระกิตติวุฑโฒภิกขุ ได้ไปแจ้งสวมรวยว่าตนเป็นเจ้าของที่ดินดังกล่าว และได้ทำการฟ้องร้องกับทางทายาทของนายสมพล ว่าตนได้ซื้อที่ดินมาแล้ว แต่ทางนั้นไม่ยอมโอนชื่อที่ดินให้ตนเอง

  โดยในการฟ้องร้องตอนนั้น นายเรวัติ ซึ่งเป็นลูกชายคนโตของนายสมพล ได้ป่สยมีปัญหาสุขภาพ เลยไม่ได้มีการต่อสู้คดี และได้มีการทำหนังสือเซ็นสัญญายินยอม ที่บอกว่า สามารถให้นายบุญช่วยสามารถเข้าไปทำประโยชน์ในที่ดินดังกล่าวได้ 

      และในต่อมาตัวนายบุญช่วยเองก็ได้เดินทางไปติดต่อกับเจ้าหน้าที่ทางกรมที่ดินเพื่อที่จะขอโอนชื่อผู้ครอบครองที่ดิน แต่ทางเจ้าหน้าที่กรมที่ดินไม่สามารถทำให้ได้ เพราะเนื่องจากนายเรวัติ ที่เป็นลูกชายคนโตของนายสมพล(ที่เป็นเจ้าของที่ดั้งเดิม)ไม่ใช้ผู้จัดการมรดก และการโอนที่ดินนั้น ต้องได้รับการยินยอมจากทายาททั้งหมดของนายสมพล ซึ่งมีจำนวน 6 คน

      ปี พ.ศ.2554 ได้มีการตรวจสอบเกี่ยวกับเอกสารที่นายบุญช่วยเคยไปยื่นต่อศาล

ว่าเป็นการแถลงเท็จต่อศาล โดยมีการอ้างว่า นายสมพลมีทายาททั้งหมด 3 คน แต่ที่จริงแล้ว นายสมพลมีทายาท 6 คน โดยทายาททั้ง 6 คนนั้น มาจากภรรยาทั้ง 2 คน ของนายสมพล เมื่อเป็นเช่นนั้น นายบุญช่วยจึงขอถอนสัญญาต่อศาล 

นงสาวเขมจิรา ที่เป็นหลานของนายสมพลได้ทำการฟ้องร้องและสู้คดีมาแทนมารดาของตนและได้เอาสามีคือ พลตำรวจตรีธารรินทร์ มาช่วยในเรื่องของการฟ้องร้อง 

      โดยในรูปคดีที่เกิดขึ้น ได้มีการต่อสู้คดีกันมานานจนถึงที่สุดในชั้นศาลฎีกาแล้ว

และทางศาลฎีกาได้มีคำพิพากษาให้ที่ดินดังกล่าวได้ตกเป็นของนายบุญช่วย โดยที่ให้เหตุผลที่ว่า เนื่องจากผู้ฟ้องร้องไม่ใช่ผู้เสียหายและไม่มีสิทธิ์ในการยื่นฟ้องร้องด้วย และต่อมานายบุญช่วย ก็ได้ฟ้องกลับ นางสาวเขมจิรา และ พลตำรวจตรีธารินทร์ ในฐานะจำเลย ทั้งทางแพ่งและทางอาญา ฐานฟ้องเท็จอีกด้วย โดยทางศาลจังหวัดจันทบุรี ได้ทำการนัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 18 ธันวาคม พ.ศ.2562 แต่ดันมาเกิดเหตุการณ์ที่สลดเสียก่อน

Continue Reading