ปิดคดีหวยใต้ดินเบี้ยว จ่ายเงิน เจ็ดแสนบาท

      ปิดคดีหวยใต้ดินเบี้ยว   จากกรณีที่มีคุณลุงวัย 61 ปีได้เข้าร้องเรียนผ่านทางสื่อช่อง 3 เกี่ยวกับการถูกเจ้ามือหวยโกงหลังจากที่ซื้อหวยใต้ดินแล้วถูกรางวัลได้เงินรางวัลมามูลค่าเจ็ดแสน บาทแต่ปรากฏว่าเมื่อมีการทวงถามไปยังเจ้ามือหวยกลับได้รับการบ่ายเบี่ยงและอ้างว่าตนเองเป็นเพียงแค่คนเดินหวยให้เท่านั้นแต่เจ้ามือใหญ่นั้นได้หลบหนีไปแล้วและไม่ยินยอมที่จะชดใช้ค่าเสียหายใดๆที่เกิดขึ้น

         ทางด้านคุณลุงวัย 61 ปีรายนี้ระบุว่าคุณลุงค่อนข้างเชื่อใจเจ้ามือหวยที่คุณลุงมีการซื้อกันเป็นประจำเพราะนอกจากจะเป็นคนในหมู่บ้านเดียวกันแล้วเจ้ามือหวยรายนี้ยังเป็นภรรยาของรองผู้กำกับที่ทำงานอยู่ที่สถานีตำรวจสภเมืองจังหวัดบุรีรัมย์

ซึ่งไม่ว่าจะเป็นทางด้านสามีหรือแม้แต่ลูกชายของเจ้ามือหวยก็เป็นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งคู่ดังนั้นคุณลุง 61 ปีจึงเชื่อมั่นว่าเมื่อเขาถูกหวยได้เงินรางวัลมากเจ้ามือหวยจะไม่เบี้ยวจ่ายหนี้เหมือนกับที่มีตามข่าวตามสื่อต่างๆอย่างแน่นอน 

      อย่างไรก็ตาม ปรากฏว่าผลการออกสลากกินแบ่งรัฐบาลงวดประจำวันที่ 16 เดือนพฤศจิกายนปีพ.ศ 2564 ที่ผ่านมาคุณตาได้มีการซื้อลอตเตอรี่ไปจำนวนหลายหมื่นบาทและมีการถูกรางวัลซึ่งรางวัลที่ได้นั้นเป็นเงินมูลค่าถึง เจ็ดแสน บาททีเดียวแต่เมื่อมีการไปพูดคุยกับเจ้ามือปรากฏว่าเจ้ามือบ่ายเบี่ยงไม่ยอมจ่ายพร้อมทั้งท้าทายให้ไปแจ้งความที่สถานีตำรวจได้เลยดังนั้นเมื่อคุณลุงเห็นว่าตนเองได้รับการข่มขู่และยังถูกเบี้ยวหนี้ถึงแม้ว่าจะมีความผิดทางกฎหมายแต่ก็ต้องการที่จะสู้ให้ถึงที่สุด

           เมื่อเรื่องนี้มีการเผยแพร่ผ่านทางสื่อออกไปปรากฏว่าได้มีการประสานงานกับทางผู้กำกับของสถานีตำรวจที่สามีของเจ้ามือหวยทำงานอยู่  ufabet เว็บแม่    เพื่อทำการเร่งตรวจสอบปัญหาที่เกิดขึ้นหลังจากผ่านไปเพียงไม่เกิน 3 วันเท่านั้นสรุปแล้วว่าทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการควบคุมตัวเจ้ามือหวยรายดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้วพร้อมทั้งมีคำสั่งจากศาลให้มีการจำคุก 3 เดือนแต่สามารถรอลงอาญาได้ 1 ปีและยังต้องเสียค่าปรับเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 2,500 บาท

         ส่วนทางด้านคุณลุงที่เป็นคนถูกหวยเองก็ทำผิดกฎหมายเพราะว่าซื้อหวยใต้ดินดังนั้นจำนวนเงิน เจ็ดแสนบาทที่ถูกรางวัลนั้นทางศาลพิจารณาร่างจะไม่ได้รับทรัพย์สินในส่วนนั้นมาและคุณลุงยังต้องถูกปรับเป็นเงินมูลค่า 1,500 บาทให้กับทางสถานีตำรวจอีกด้วย  

      อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยืนยันว่าสำหรับเงินเจ็ดแสน บาทถ้าหากว่าคุณลุงยังยืนยันต้องการที่จะได้รับเงินดังกล่าวต้องไปพูดคุยกับทางเจ้ามือหวยด้วยตนเอง

Continue Reading

นักท่องเที่ยววัย 7 ขวบ ชาวรัสเซีย ตกบ่อน้ำพุร้อนที่ปาย ตำรวจไม่รับแจ้งความกลายเป็นข่าวดังข้ามประเทศ 

        เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นเมื่อนักท่องเที่ยวชาวรัสเซียซึ่งเป็นครอบครัวที่เดินทางกันมาพ่อแม่และลูกวัย 7 ขวบเดินทางเข้ามาเที่ยวในประเทศไทย  ชาวรัสเซีย ตกบ่อน้ำพุร้อนที่ปาย    โดยเบื้องต้นนั้นเที่ยวอยู่ที่จังหวัดชลบุรีในเมืองพัทยาหลังจากนั้นได้มีการเดินทางไปเที่ยวที่จังหวัดเชียงใหม่ซึ่งนักท่องเที่ยวครอบครัวนี้ได้พากันไปเที่ยวบ่อน้ำร้อนแห่งหนึ่งในอำเภอปาย  โดยเดินทางเมื่อวันที่ 1 เดือนตุลาคมปีพ. ศ. 2564  

       อย่างไรก็ตามปัญหาที่นักท่องเที่ยวเจอก็คือเมื่อวันที่ 4 เดือนตุลาคมปีพศ 2564 ได้พากันเดินทางไปเที่ยวที่บ่อน้ำพุร้อนและได้มีการถ่ายรูปเอาไว้แต่ปรากฏว่าเกิดอุบัติเหตุเกิดขึ้นลูกชายวัย 7 ขวบ

พลัดตกลงไปในบ่อน้ำพุและเมื่อนำตัวขึ้นมาจากบ่อก็พบว่ามีแผลพุพองตามร่างกายดังนั้นทางผู้ปกครองของเด็กจึงได้ส่งตัวเด็กไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลพร้อมกันนี้ก็ได้เดินทางไปที่สถานีตำรวจในจังหวัดเชียงใหม่เพื่อทำการร้องเรียนและแจ้งความให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุว่าเป็นสถานที่อันตรายและไม่มีป้ายปักเตือนนักท่องเที่ยว

         อย่างไรก็ตามทางนักท่องเที่ยวชาวรัสเซียระบุว่าได้มีการติดต่อที่สถานีตำรวจเชียงใหม่ไปแล้วถึง 3 ครั้งด้วยกันเกี่ยวกับเรื่องของการแจ้งความแต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่รับแจ้งความซึ่งพวกเขาเองนั้นไม่เข้าใจว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่เข้าใจสื่อสารตรงกันไม่รู้เรื่องหรือเกิดจากสาเหตุอะไรเนื่องจากว่าอุบัติเหตุในครั้งนี้ส่งผลให้หนูน้อยวัย 7 ขวบนั้นต้องเข้ารับการรักษาอาการและเข้ารับการผ่าตัดไปแล้วถึง 3 ครั้ง

    นอกจากนี้ค่ารักษาพยาบาลในขณะนี้ก็มีราคาสูงเกือบถึง 2 ล้านแล้วและยังต้องมีการรักษาอย่างต่อเนื่องต่อไปอีกซึ่งทางนักท่องเที่ยวชาวรัสเซียต้องการให้สถานที่ท่องเที่ยวดังกล่าวนั้นออกมารับผิดชอบเกี่ยวกับเรื่องของค่าใช้จ่ายแต่เมื่อทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่รับแจ้งความพวกเขา  www.ufabet.com ช่องทางเข้าเว็ปพนัน  จึงได้มีการประสานงานไปยังประเทศรัสเซียโดยติดต่อไปยังสำนักข่าวของรัสเซียให้ช่วยทำข่าว

      ซึ่งหลังจากนักข่าวของรัสเซียได้มีการประโคมข่าวภายในประเทศจนเป็นข่าวโด่งดังก็กลายเป็นข่าวโด่งดังข้ามประเทศกันเลยทีเดียวโดยหลังจากนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจการท่องเที่ยวได้มีการเดินทางเข้าเยี่ยมครอบครัวของเด็กที่ได้รับบาดเจ็บเป็นที่เรียบร้อยแล้วและมีการพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องของอาการของเด็กซึ่งในขณะนี้อยู่ในอาการที่พ้นขีดอันตรายแล้ว

     ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจและตัวแทนของการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่จะต้องมีการปรึกษาหารือกันเกี่ยวกับเรื่องของค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นรวมถึงตรวจสอบอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นว่าเกิดจากการประมาทเลินเล่อของสถานที่ท่องเที่ยวหรือว่าเป็นการซุกซนของเด็กจนทำให้เกิดอุบัติเหตุในครั้งนี้ 

Continue Reading