นายดาบ ถูกยิงตาย ขณะเข้าระงับเหตุวัยรุ่นทะเลาะวิวาท 

      นายดาบ ถูกยิงตาย เมื่อวันที่ 14 เดือนมิถุนายน ปีพ.ศ. 2565 ช่วงเวลาประมาณ 01:30 น ได้มีเหตุการณ์ ทะเลาะวิวาทกันโดยกลุ่มวัยรุ่นซึ่งสร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้าน เนื่องจากว่ามีการใช้อาวุธปืนยิงข่มขู่กันและยังมีการใช้ระเบิดปิงปองปาใส่กัน โดยสถานที่เกิดเหตุนั้นอยู่ในซอยเอราวัณ 12  ซึ่งอยู่ตำบลคลองสอง  จังหวัดปทุมธานี 

        อย่างไรก็ตามชาวบ้านได้มีการโทรแจ้งให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยเข้ามาระงับเหตุ

ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ตำรวจสภคลองหลวงเดินทางมายังจุดเกิดเหตุจำนวนหลายคนเมื่อเดินทางมาถึงก็ไม่พบกลุ่มวัยรุ่นแล้วพบเพียงแค่เศษซากการใช้ระเบิดปิงปองปาใส่กันและปลอกกระสุนปืนเท่านั้น  ดังนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เดินทางมาจึงทำได้เพียงแค่ทำการตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุเพื่อเก็บรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อเอาไว้หาตัววัยรุ่นที่เข้ามาก่อเหตุในพื้นที่ดังกล่าว

        อย่างไรก็ตามในขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่นั้น ปรากฏว่าได้มีกลุ่มวัยรุ่นซึ่งเป็นคนร้ายได้ย้อนกลับมาแต่ขับรถวนมายังฝั่งตรงข้ามกับที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยืนอยู่หลังจากนั้นคนร้ายก็ได้ใช้อาวุธปืนยิงและขว้างระเบิดเข้ามา ซึ่งอาวุธปืนนั้นได้ ยิงมาถูกนายดาบอนันต์  เนื่องจากว่าคนร้ายเห็นว่านายดาบ อนันต์ นั้นมองเห็นหน้าตาของตนเอง  

         อย่างไรก็ตามผู้เห็นเหตุการณ์ในตอนแรกนั้นคิดว่านายดาบอนันต์ฟุบหน้าลงเพื่อหลบอาวุธปืนของคนร้ายแต่ปรากฏว่าหลังจากที่คนร้ายยิงเสร็จเรียบร้อยแล้ว

และได้ขับรถหนีออกไปทางปากซอยเอราวัณ 12 นายดาบอนันต์ก็ยังไม่มีการขยับเขยื้อนพลเมืองดีจึงลองไปขยับตัวก็พบว่านายดาบอนันต์นั้นถูกอาวุธปืนยิงเข้าจุดสำคัญจึงได้มีการประสานงานแจ้งกับทางเจ้าหน้าที่กู้ภัยให้นำตัวส่งโรงพยาบาล 

           อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ในครั้งนั้นทำให้นายดาบอนันต์เสียชีวิตซึ่งเรื่องนี้สร้างความสะเทือนใจให้กับชาวบ้านเป็นอย่างมากนอกจากนี้ครอบครัวของนายดาบอนันต์เองที่รู้ถึงการสูญเสียผู้นำของครอบครัวไปต่างก็ร้องไห้คร่ำครวญโดยเฉพาะลูกชายของนายดาบอนันต์นั้นเสียใจเป็นอย่างมาก 

        เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการทราบกลุ่มคนร้ายแล้วว่าเป็นกลุ่มคนร้ายที่มาจากย่านประตูน้ำพระอินทร์ซึ่งในขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังมีการรวบรวมพยานหลักฐานและตรวจสอบกล้องวงจรปิดโดยมีการแบ่งหน้าที่การทำงานอย่างชัดเจนเพื่อที่จะได้สามารถจับตัวคนร้ายมาดำเนินคดีได้โดยเร็วที่สุด  

           สำหรับกลุ่มวัยรุ่นตีกันมีการใช้อาวุธปืนยิงใส่กันนั้นมีให้เห็นเกือบทุกวันเนื่องจากว่ากลุ่มวัยรุ่นไม่ได้มีความหวั่นเกรงต่อกฎหมายเพราะกฎหมายไทยนั้นค่อนข้างอ่อนถ้าวัยรุ่นอายุต่ำกว่า 18 ปีก็ไม่ต้องติดคุก ทำให้วัยรุ่นไม่เกิดความหวั่นเกรงต่อกฎหมายดังนั้นประเทศไทยควรจะมีการแก้กฎหมายเกี่ยวกับเรื่องของการลงโทษวัยรุ่นที่ใช้อาวุธปืนยิงใส่กันได้แล้วเพื่อที่สังคมไทยจะได้น่าอยู่มากยิ่งขึ้น

 

สนับสนุนเนื้อหานี้โดย    sagame

Continue Reading

เกาะกระแส “พีท คนเลือดบวก”

           พูดได้เลยว่าตอนนี้ไม่มีใครที่ไม่รู้จัก พีท คนเลือดบวก คนที่ออกมาบอกกับสังคมว่าเค้าก็เป็นหนึ่งในบุคคลที่ติดเชื้อเอชไอวี ซึ่งล่าสุดที่เป็นกระแสดังในโลกโซเชียล นั่นเกิดมาจากที่พีทได้ออกมาโพสต์เชิญชวนให้คนเข้าร่วมเรียนคอร์สที่เค้าเปิดสอนว่า มีเซ็กส์สดยังไงให้ปลอดภัยจากเชื้อเอชไอวี โดยค่าเข้าเรียนตกคนละ 500 บาท

ซึ่งโพสต์นี้ได้มีพยาบาลสาวที่ไม่เห็นด้วยได้ออกมาแชร์โพสต์ดังกล่าวและเกิดการวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างรุนแรงว่า ถ้าหากคุณพีทมีเพศสัมพันธ์แบบไม่ป้องกันแล้วปลอดภัยจริง ตัวคุณพีทเองก็คงไม่ติดเชื้อหรอก คิดได้ยังไงถึงจะไปสอนคนอื่น หลังจากคุณพีทได้เห็นข้อความดังกล่าวก็เกิดการปะทะคารมผ่านทางตัวหนังสือกันขึ้นจนถึงขั้นต้องไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันกันไว้ที่โรงพัก 

            คุณพิทคนที่เป็นข่าวดังอยู่ตอนนี้ ได้ออกมาเปิดเผยว่าตัวเค้าเองติดเชื้อเอชไอวีมาทั้งหมด 4 ปี และหลังจาก 3 ปี ที่เขาได้รับยาต้านไวรัส ผลการตรวจเลือดของเค้าออกมามีค่าต่ำกว่า 40 เค้าเชื่อตามทฤษฐี U= U ว่า คนเลือดบวกแบบเค้า เวลามีเพศสัมพันธ์กับคู่นอนโดยไม่ได้ใส่ถุงยาง ก็ไม่สามารถส่งเลือดบวกหรือแพร่เชื้อเอชไอวีให้กับคู่นอนของเค้าได้

  ซึ่งตอนนี้ที่เค้าได้มาเปิดเผยชีวิตตัวเองผ่าน Facebook ก็เพื่อที่จะได้สอนให้คนรู้จักกับโรคนี้มากขึ้น รวมถึงแนะนำการใช้ชีวิตในสังคม  วิธีป้องกันตัวเอง หรือแม้กระทั่งขั้นตอนการไปรักษา การรับยาต้านไวรัสจากทางโรงพยาบาล ซึ่งความคิดที่จะมาเปิดคอร์สสอนนั่นก็เพื่อให้คนที่เป็นโรคเอดส์และมีรสนิยมทางเพศแบบเค้าคือการไม่ชอบใช้ถุงยางได้เข้ามาเรียนก็เท่านั้นเอง

          โดยส่วนตัวคิดว่าสิ่งที่คุณพีทพูดถึงทฤษฎี U=U นั้นมันใช้ได้เฉพาะผู้ที่ติดเชื้อเอชไอวี ที่ได้รับยาต้านไวรัสมาอย่างน้อย 6 เดือนถึง 1 ปี ซึ่งเขาต้องดูแลตัวเองอย่างดี กินยาให้ตรงเวลาต่อเนื่องตลอด และผลตรวจเลือดต้องมีค่าต่ำกว่า40 เค้าถึงไม่ไปแพร่เชื้อโรคให้กับคนอื่นนั้นมันก็ถูกต้อง  แต่นั่นมันก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องออกมาบอกว่ามาพูดเชิญชวนว่า ผู้ป่วยที่เป็นโรคเเอดส์หรือติดเชื้อเอชไอวี และได้รับยาต้านไวรัสทุกคนสามารถมีเพศสัมพันธ์กับใครก็ได้โดยไม่ใช้ถุงยางอนามัย

          เรายังยืนยันที่จะเชื่อในสิ่งที่คุณหมอและตำราเรียนสอนเรื่องการใช้ถุงยางอนามัยว่า ถ้าเราไม่มั่นใจในคู่นอนของเรา เวลาจะมีเพศสัมพันธ์กับใครเราควรใส่ถุงยางอนามัยทุกครั้ง เพราะถุงยางอนามัยไม่ใช่แค่ช่วยเรื่องป้องกันโรคเอดส์อย่างเดียว มันยังช่วยป้องกันโรคที่เกิดจากการมีเพศสัมพันธ์ได้อีกหลายโรค รวมถึงการป้องกันการตั้งครรภ์แบบไม่พึงประสงค์ในผู้หญิงเราอีกด้วย

 

 

สนับสนุนโดย  sagame

Continue Reading