ePortfolios สามารถใช้เป็นเครื่องมือส่งเสริมการขายภายในโรงเรียนและชุมชนที่กว้างขึ้น

ผู้ปกครองและทีมผู้บริหารโรงเรียนมักจะประทับใจกับรูปลักษณ์ที่เป็นมืออาชีพของ ePortfolios ของนักเรียน สื่อออนไลน์สามารถฉายบนหน้าจอขนาดใหญ่ได้ในวันเปิดและคืนอาชีพ โดยเป็น “หน้าต่างเสมือน” ในห้องเรียน ซึ่งมอบโอกาสทางการตลาดที่ยอดเยี่ยมสำหรับแผนกศิลปะและการออกแบบ

ลิงก์ไปยัง ePortfolios ของนักเรียนสามารถหาได้จากเว็บไซต์ของโรงเรียนหรือครูด้วยเหตุผลที่คล้ายคลึงกัน ลิงก์ไปยัง ePortfolios ของนักศึกษาที่ผ่านมายังสามารถแสดงผลงานที่โดดเด่นในสาขาสร้างสรรค์ต่างๆ

เครื่องมือส่งเสริมการขาย ePortfolios สามารถปรับปรุงกระบวนการให้คะแนน รวบรวมงานในที่เดียว ครูสอนศิลปะบางครั้งรู้สึกอยากฉีกผมออกเพื่อพยายามประเมินงานของนักเรียนที่กระจัดกระจายไปตามสถานที่ต่างๆ (วิดีโอคลิปที่เสร็จแล้วบน YouTube ไฟล์ที่ติดป้ายกำกับอย่างไม่ชัดเจนในโฟลเดอร์ออนไลน์ ภาพวาดบนกระดาษในสมุดสเก็ตช์ สิ่งของบนธัมบ์ไดรฟ์ที่วางผิดที่ และอื่นๆขนาดไฟล์แนบมาทางอีเมล์) สิ่งนี้อาจกลายเป็นฝันร้ายด้านลอจิสติกส์เมื่อเปรียบเทียบและประเมินงานจากนักเรียนหลายร้อยคน

ePortfolio ออนไลน์ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลาง รวบรวมงานทั้งหมดโดยนักเรียนคนเดียวในที่เดียว (สามารถฝังวิดีโอ YouTube ไฟล์รูปภาพที่อัปโหลด เพิ่มคำอธิบายประกอบโดยตรงและแม้แต่งานศิลปะที่จับต้องได้ก็สามารถเพิ่มได้) แต่ละงานแยกกันของหน่วยย่อยของงานสามารถนำเสนอในหน้า ePortfolio เดียว

โดยที่ครูจะเลื่อนขึ้นหรือลงตามความจำเป็นเพื่อดูงานที่ส่งทั้งหมด ด้วยวิธีนี้ นักเรียนแต่ละคนส่งเพียงลิงก์เดียว  UFABET เว็บตรง    สำหรับการประเมิน กล่องจดหมายไม่อุดตัน ไฟล์ไม่จำเป็นต้องเปิดทีละไฟล์อย่างระมัดระวัง ครูเปิดลิงก์ที่เหมาะสม และสามารถเห็นการส่งทั้งหมดได้ ทั้งรูปภาพ มัลติมีเดีย และข้อความ จัดเรียงในหน้าแฟ้มผลงานเดียว

แม้ว่าการวิพากษ์วิจารณ์งานของนักเรียนจากหน้า ePortfolio หน้าเดียวมักจะไม่ง่ายเท่ากับการประเมินงานพิมพ์ต่อหน้าคุณโดยตรง แต่ก็ดีกว่าทางเลือกดิจิทัลอื่นๆ นอกจากนี้ยังมีข้อได้เปรียบที่ครูไม่ต้องแบกภาระงานไปและกลับจากโรงเรียน และสามารถให้คะแนนได้ทุกที่ที่มีอินเทอร์เน็ต เทคนิคการส่งนี้ยังช่วยให้สามารถให้ข้อเสนอแนะเชิงโครงสร้างตามปกติผ่านคุณลักษณะความคิดเห็น ดังที่อธิบายไว้ข้างต้น

อัพเดทและแก้ไขงานง่าย พอร์ตโฟลิโอดิจิทัลสามารถแก้ไขได้ ปรับปรุง และอัปเดตเมื่อหลักสูตรดำเนินไป โดยให้เอกสารดิจิทัลที่ยืดหยุ่นเพื่อใช้ประกอบกับสมุดร่างแบบฉบับพิมพ์ นักเรียนได้บรรจุงานที่ได้รับมอบหมายในสมุดบันทึกและโฟลเดอร์มาหลายปีแล้ว มีอะไรใหม่และน่าตื่นเต้นเกี่ยวกับพอร์ตโฟลิโอบ้าง

แฟ้มสะสมผลงานใช้ประโยชน์จากแนวโน้มตามธรรมชาติของนักเรียนในการบันทึกงานและกลายเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการทำให้พวกเขากลับมาพิจารณาอีกครั้งและคิดว่าจะปรับปรุงงานในอนาคตได้อย่างไร ตามที่ครูหรือนักเรียนคนใดสามารถยืนยันได้ วิธีนี้เป็นวิธีที่ชัดเจนจากการเขียน ส่งต่อ และลืมความคิดแบบเก่า โดยที่ร่างแรกถือเป็นผลิตภัณฑ์ขั้นสุดท้าย

Continue Reading

ทฤษฎีเปลี่ยนโลก

ทฤษฎีเปลี่ยนโลก หากเอ่ยถึงชื่อนักฟิสิกส์คนหนึ่งแน่นอนว่า อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์นั้นจะต้องเป็นชื่อแรกๆที่หลายๆคนนั้นนึกถึงอย่างแน่นอนเพราะเรียกได้ว่าเขานั้นเป็นนักฟิสิกส์ที่มีความสามารถอย่างมากไม่เพียงเท่านั้นยังได้รับรางวัลยิ่งใหญ่อย่างรางวัลโนเบลเพื่อเป็นเครื่องการันตรีได้ว่าเขานั้นมีความสามารถและเป็นบุคคลที่ควรได้รับการยอมรับจากโลกใบนี้ด้วย สำหรับประวัติของเขานั้นก็เรียกได้ว่ามีความน่าสนใจอย่างมาก

อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์นั้นเกิดในปี 1879 ในประเทศเยอรมันและในขณะนั้นเยอรมันกำลังพัฒนาประเทศตนเองให้ทันสมัยและเท่าเทียมกับสหราชอาณาจักรด้วย จากนั้นครอบครัวเขาได้ย้ายไปอยู่ประเทศสวิสเซอร์แลนด์และเขาก็ได้เรียนจนจบ

แต่ด้วยผลการเรียนที่ไม่ได้สูงเท่าไหร่นักแต่ด้วยที่เขานั้นเป็นคนช่างสังเกตอย่างมาก และมีสองสิ่งที่เขานั้นมีความสงสัยทำให้เกิดการเรียนรู้ไปสู่ทฤษฎีสัมพันธภาพขึ้น

ความใฝ่ฝันของไอน์สไตน์ที่มีมาตลอดในช่วงชีวิตวัยเยาว์ของเขานั้นก็คือการทำงานเป็นนักวิทยาศาสตร์ แต่ด้วยเกรดการเรียนของเขานั้นไม่สู้ดีนักจึงทำให้เขานั้นได้ทำงานเป็นเพียงเสมียนในการจดสิทธิบัตรเท่านั้น และในตอนนั้นเขาก็ได้ทำการเขียนบทความที่เกี่ยวข้องในทางฟิสิกส์มากมายออกมาและก็มีผลงานหลายชิ้นที่ได้รับความนิยมและสิ่งที่เขามักจะเขียนลงไปเสมอก็คือสิ่งที่เขานั้นสงสัยและทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของโลกไปได้

สำหรับสิ่งขิงชิ้นแรกที่เขานั้นสงสัยและสังเกตนั้นก็คือ เข็มทิศ ซึ่งเขานั้นได้มาจากคุณพ่อโดยคุณพ่อของเขานั้นให้เข็มทิศชิ้นนี้เป็นของขวัญและเขามักสังเกตว่าทำไมเข็มทิศนั้นจึงพุ่งไปทางทิศเหนืออยู่ตลอดเวลา

และสิ่งขิงชิ้นที่สองที่ทำให้เขานั้นได้เข้าใจว่าหนึ่งในมิติที่มีความสำคัญขงสะสารที่เกิดขึ้นทั้งปวงนั้นไม่ใช่แค่ความกว้าง ยาว สูงแต่ยังมีเรื่องของเวลามาเกี่ยวข้องด้วยนั่นก็คือนาฬิกาที่เมืองเบิร์น

ด้วยความสนใจและความสงสัยของเขาเหล่านี้นั้นก็เป็นสิ่งที่นำไปสู่การเรียนรู้ความเคลื่อนไหวของแสง  ufabet เว็บตรง   หรือสิ่งที่นำไปสู่ตัว C หรือว่าความเร็วแสงที่อยู่ในสมาการ E=MC2 

ทำให้หลายคนนั้นตั้งคำถามว่าความเร็วของแสงนั้นอยู่ที่เท่าไหร่และคำตอบที่ได้จากไอน์สไตน์นั้นก็คือ ความไวแสงเป็นเพียงสิ่งเดียวเป็นความเร็วที่คงที่ไม่ว่าจะวัดอย่างไรก็ตาม ซึ่งความเร็วสงนั้นก็อยู่ที่ 299.7 ล้านเมตรต่อวินาทีหรืออาจจะเรียกว่า 3 แสนกิโลเมตรต่อวินาที

ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ถูกคิดค้นขึ้นจากอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์และยังเป็นสูตรคำนวณที่มีการนำมาพัฒนาจนเป็นระเบิดปรมาณูในเวลาถัดมาด้วย ถึงแม้ว่าไอน์สไตน์นั้นจะไม่ได้มีความเกี่ยวข้องในเรื่องของการคิดคำนวณสูตรขึ้นมาเพื่อทำระเบิด แต่เขานั้นก็ได้เป็นผู้คิดค้นสูตรคำนวณที่เปลี่ยนโลกไปอย่างสิ้นเชิงและทำให้เขาได้มีการพัฒนาคิดค้นสิ่งต่างๆให้เกิดขึ้นบนโลกอีกมากมายด้วย

Continue Reading

โตขึ้นอยากเป็นอะไร

คำถามเหล่านี้นั้นเชื่อว่าหลายคนคงจะได้ยินหรือได้รับการตั้งคำถามเหล่านี้จากผู้ใหญ่หรือตั้งคำถามจากตัวเองอย่างแน่นอน คือโตขึ้นอยากเป็นอะไรนั่นเอง และในตอนที่เราได้รับคำถามนี้มานั้นในตอนที่เรายังเด็กเราก็คงจะตอบไปด้วยความเป็นเด็กหรือความที่ยังไม่รู้เท่าถึงการมากนัก ก็คือการตอบคำถามว่าโตขึ้นเราอยากจะเป็นสิ่งที่เราได้เห็นหรือพบเจอเป็นประจำในชีวิตประจำวันนั่นเอง

ไม่ว่าจะเป็นครู พยาบาล หมอ ตำรวจ เป็นต้น ซึ่งสิ่งที่เราตอบว่าเราอยากจะเป็นอะไรนั้นในตอนเด็กนั้นก็คืออาชีพที่เราเห็นหรือมีความคุ้นชินนั่นเอง

ในตอนที่เราโดนตั้งคำถามในตอนเด็กนั้นเราก็คิดว่าโลกใบนี้นั้นคงมีไม่กี่อย่างที่เราอยากจะเป็นได้นั่นเอง ทำให้เราอาจจะไม่ได้จริงจังกับการใช้ชีวิตหรือค้นคว้าในสิ่งที่เราอยากจะเป็นจริงๆนั่นเอง สุดท้ายแล้เราโตขึ้นมาเราก็อาจจะได้เป็นแค่สิ่งที่เรารู้จักในตอนเด็กเพียงเท่านั้นเอง ซึ่งสิ่งที่เรารู้จักหรือคิดไว้ว่าโตขึ้นมาอยากเป็นสิ่งเหล่านั้นไม่ใช่ว่าสิ่งเหล่านั้นไม่ดี

สิ่งที่เราคุ้นชินหรือเป็นสิ่งที่เราเคยพบในประจำวันนั้นอย่างอาชีพ ตำรวจ หมอ ครูหรือพยาบาลนั้นเป็นล้วนเป็นสิ่งที่ดี แต่ความอยากจะเป็นนั้นไม่ได้มาจากจิตใจที่แท้จริงของเรานั่นเอง เพราะในตอนนั้นเราอาจจะไม่ได้รู้ถึงจิตใจที่แท้จริงว่าจริงๆแล้วเรานั้นอยากเป็นอะไรกันแน่ เพราะด้วยเหตุผลต่างๆมากมาย ทั้งเหตุผลที่ว่าเราอาจจะยังเด็กหรือเรานั้นอาจจะไม่รู้จักโลกภายนอกมากพอหรืออาจจะเพราะจากที่ผู้ใหญ่แนะนำหรือมีการสั่งสอนมาในแนวทางเพียงแบบนั้นนั่นเอง

ดังนั้นแล้วการสั่งสอนจากสถาบันหรือจากผู้ปกครองหรือการตั้งคำถามกับเด็กนั้นว่าโตขึ้นอยากเป็นอะไรนั้นอยากให้เปลี่ยนเป็นตั้งคำถามกับเด็กว่าตอนนี้เด็กอยากจะเป็นหรืออยากจำทำอะไรมากกว่า เพราะว่าการที่ถามเด็กถึงในสิ่งที่เป็นปัจจุบันนั้น คำถามเหล่านี้มันจะนำพาไปซึ่งคำตอบที่แท้จริงที่อยู่ภายใต้จิตใจของเด็กนั่นเอง

และเมื่อได้คำตอบว่าเด็กอยากทำหรือรู้แล้วว่าตอนนี้เค้าอยากที่จะทำอะไร ทางผู้ปกครองหรือสถาบันการศึกษานั้นควรจะสนับสนุนในสิ่งเหล่านั้นอย่างเต็มที่ เพราะสิ่งที่เด็กอยากทำหรืออยากเป็นในตอนนี้นั้นเป็นสิ่งที่จะนำพาไปสู่สิ่งที่เด็กนั้นอยากเป็นและอยากทำในอนาคตนั่นเอง โดยไม่ต้องตั้งคำถามว่าโตขึ้นอยากเป็นอะไรนั่นเอง

และควรให้เด็กได้ศึกษาสิ่งต่างๆด้วยตัวเองด้วยไม่ควรไปตั้งกรอบให้เด็กว่าการเป็นสิ่งเหล่านี้นั้นจะทำให้เราสามารถดำเนินชีวิตได้อย่างปกติแต่ควรสอนหรือบอกเด็กว่าอยากทำหรืออยากเป็นอะไรนั้นสามารถทำและทำอย่างตั้งใจให้เต็มที่ไปเลยนั่นเองและเด็กจะเติบโตในสิ่งที่พวกเขาอยากจะเป็นจริงๆนั่นเอง

 

สนับสนุนโดย    UFABET เว็บตรง

Continue Reading